เสียงพ่อค้าสินค้าโบราณมือสองปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ คาดเงินดิจิตอลคงไม่ได้มาช่วย

เสียงพ่อค้าสินค้าโบราณมือสองปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ คาดเงินดิจิตอลคงไม่ได้มาช่วย ตอนนี้กระทบหนักต่อผู้ค้าส่งผลได้รับผลกระทบมีแต่เอาออกมาขายเพิ่ม จากที่มีคนมาเซาะหาซื้อของโบราณของมืองสองไปตกแต่งจะเป็นบ้านเรือน ร้านอาหาร หรือซื้อไปสะสม กลับสวนทางมาในห้วง 7-8 เดือนมานี้ ยิ่งช่วง 3 เดือนหลังมีแต่ชาวบ้านที่มีของเก่าของโบราณมาขายเกือบทุกวัน

ผู้สื่อข่าวพาไป ที่กาดวินเทจ สี่แยกศรีบัวเงินพัฒนา หรือเรียกติดปากว่า แยกพรอมเมนาดา ฟังเสียงของเจ้าของร้านจำหน่ายสินค้ามือสอง สินค้าโบราณ นายสิรภพ มโนรส ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจในขณะนี้ได้ต่อเนื่องมาจากเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวัรัสโควิด-19 ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่คิดเป็นมา 7-8 เดือนแล้ว ตอนนี้การรับซื้อของเก่าของโบราณกลับเพิ่มขึ้นแทบทุกวัน จากที่เคยมีสัปดาห์ละ 1-2 เจ้าที่จะเรียกไปรับซื้อ หรือนำมาขายให้ ตอนนี้ได้แต่รับซื้อจนต้องงดรับเพราะมีจำนวนมากแต่ขายกลับออกไปไม่ได้ เป็นเงินทุนหมุดเวียนในการซื้อเข้าและขายออก ต้องนำเงินส่วนตัวออกมาแต่ก็ต้องหยุดหากนำไปใช้จนหมดสินค้าขายไม่ได้กระทบต่อใช้ชีวิตประจำวัน

อย่างไรก็ตามนอกจากชาวบ้านแล้ว ผู้ประกอบการที่พัก ร้านอาหารโรงแรม ที่ไปต่อไม่ได้ก็นำของที่จะสามารถแปลงเป็นทรัพย์สินได้ขายเป็นมือสองก็เพิ่มมากขึ้น แต่กำลังทรัพย์จากเราจะไปซื้อก็ไม่ได้จะซื้อเท่าที่ได้ ตอนนี้ต้องชะลอการรับซื้อแล้วเพราะอาจจะไปต่อไม่ได้หากินค้าตกค้างจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังได้เปิดท้ายขายสินค้ามือสอง ในถนนคนเดินสินค้ามือสองที่ใหญ่ที่สุด ในจังหวัดเชียงใหม่ ย่านหนองฮ่อ ผ่านมา 7 – 8 เดือนมานี้ผู้คนออกมาเดินซื้อของน้อยมาก พ่อค้าแม่ค้าได้แต่นั่งมองหน้ากัน ทำให้เศรษฐกิจที่ว่าจะดีขึ้นหลังพ้นโควิด-19 กลับสวนทาง ไม่ได้ฟักตัวแต่กลับเป็นการซ้ำเติมเสียมากกว่า หวังทุกต้นเดือนจะมีลูกค้าเข้ามากก็เงียบมีแต่คามหวังเท่านั้น ส่วนเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าสินค้ามือสอง สินค้าโบราณ คงไม่ตกมาถึงมือมาช่วยให้เศรษบกิจด้านนี้ดีขึ้นมา หวังให้รัฐบาลมองถึงการค้าขายกลุ่มนี้ ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐโดยรวมของผู้ประกอบการทุกภาคส่วน จะดีมากขึ้น โดยเสริมให้แต่ละจังหวัดเข้ามาเสริมช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจทุกด้านด้วยเช่นกัน

ห่วงโซ่จากน้ำมัน ไฟฟ้า ข้าวของแพง การใช้จ่ายลด ไมรอจะอยู่ต่อหรือพอแคนี้ “ปิด”

ห่วงโซ่จากน้ำมัน ไฟฟ้า ข้าวของแพง การใช้จ่ายลด ไมรอจะอยู่ต่อหรือพอแคนี้ รอเศรษฐกิจดีค่อยพบกัน เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวย่าน ตำบลฟ้าฮ่าม ของหยุดขายก๋วยเตี๋ยวชั่วคราว หลังลูกค้าหดหาย อาทิจากที่เคยขายได้วันละ 10 ชามตอนนี้เหลือ 1-3 ชาม หากฝืนไปต่อหนี้นอกระบบต้องมา

จากคำที่จะอยู่ต่อ หรือพอแค่นี้ ในยุคนี้กำลังถูกนำมาใช้ากขึ้นของผู้ประกอบการร้านอาหาร วันนี้ผู้สื่อข่าวพาไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมู เนื้อ ต้มยำ โคตรอร่อย ชามเดียวอิ่ม บ้านสันทรายต้นกอก ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ตรงข้ามวัดสันทรายต้นกอก เดิมเป็นร้านก่องข้าว ขายอาหารพื้นเมือง ก่องข้าว 4G ช่วงก่กอนเกิดการระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผ่านออนไลน์ จะทำอาหารพื้นเมืองตามใจลูกค้าส่วนหนึ่งจากร้านส่วนหนึ่ง ก็เดินไปด้วยดี ผลตอบรับดีมากยอดขายดี ได้เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นสูตร ของต้นเองเปิดช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผลตอบรับดีเช่นกัน ได้เพิ่มเมนูข้าวซอย เพราะลูกค้าเรียกร้อง ยอมรับเลยว่ามาช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผลพวงจากเศรษฐกิจ ในช่วงนี้จากปัจจัยน้ำมันแพง ไฟฟ้าแพง ส่งผลให้ข้าวของาพเหรดปรับราคาแพงขึ้น วัตถุดิบที่นำมาใช้ก็แพง ทำให้ลูกค้าที่เคยมีจำนวนมากในแต่ละวันทุกวันโต๊ะเต็มขายตั้งแต่เช้า ช่วงบ่ายก็หมด ได้เสีงเรียกร้องจากลูกค้าให้เปิดขายช่วงเย็นเพิ่ม ผลตอบรับก็ดีมากยอดขายปังเช่นกัน แต่มาถึงตอนนี้บอกได้เลยว่าแย่มากจากเศรษฐกิจการใชจ่ายของประชาชนลดลงไป อย่างที่เคยขายได้ 10 ชาม ตอนนี้ได้เพียง 1-3 ชาม งดขายตอนเย็นมาขายช่วงกลางวัน แต่แล้วก็แทบไม่มีลูกค้ามาเลย ทำให้ต้องถามตนเองว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ คำตอบคดรอเสณษบกิจดีขึ้นดีกว่า คือปิดก่อนชั่วคราว

อย่างไรก็ตามจากผลกระทบดังกล่าว ต้องหยุดขายเพราะหากฝืนขายไปต้องกู้หนี้ยืมสิน จากนอกระบบ เพราะในระบบอยากลำบาก ที่ผ่านมาในห้วง 2 เดือนต้องเอาเงินขายอาหารพื้นเมืองมาโปะ ลงทุนขายก๋วยเตี๋ยวไปทุกวัน ทำให้เงินทุนที่มีลดลงไปเรื่อยๆ จึงยอมปิดดีกว่า เก็บเงินไว้รอเศรษฐกิจค่อยกลับมา ฝากถึงรัฐบาลทำอยางไรก็ได้ให้เศรษฐกิจดีขึ้น ให้คนรากหญ้าสามารถลืมตาอ้าปากได้ โดยเฉพาะการค้าการขาย พ่อค้าแม่ค้ารายเล็กรายย่อย เพราะวัตถุดิบแพงหมดนับวันมีแต่จะปรับขึ้นไป หากการค้าการขายดีขึนเสรษฐกิจอะไรก็ต้องดีขึ้นตาม วันนี้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง สินค้าแพงโดยเร็ว

ตม.เชียงใหม่ ตรวจเข้มคาราโอเกะหรู อ.สารภี ป้องกันการค้ามนุษย์


ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวในทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจเข้มพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสืบสวนติดตามจับกุมอาชญากรอย่างเต็มรูปแบบ


ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 หรือความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง วันที่ 25 มิ.ย.67 พ.ต.ต.สุธีรเทพ โพธิ์นฤมิต สว.ตม.จว.เชียงใหม่ นำทีม ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานประกอบการร้านอาหาร และร้านคาราโอเกะชื่อดังย่านถนนเชียงใหม่ – แม่ออน ต.ป่าบง อ.สารภี จว.เชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุม คนต่างด้าวสัญชาติลาว จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” และจับกุมคนต่างด้าวไร้สัญชาติ จำนวน 6 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยคนต่างด้าวทั้งหมด รับสารภาพว่า ได้มาทำงานเป็นพนักงานบริการลูกค้า (เด็กนั่งดริ้งค์) ที่ร้านเกิดเหตุ โดยได้รับค่าจ้าง 300 บาทต่อดริ้งค์ มาเป็นระยะเวลา 1 เดือนเศษ โดยยังไม่ได้ดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด จึงถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวในที่สุด
ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

ตม.เชียงใหม่ จับสาวลิทัวเนีย ใช้วีซ่านักเรียนยู่เกินกำหนดอนุญาต OVERSTAY

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ดำเนินการสืบสวน จับกุมคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay)


ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น วันที่ 24 มิ.ย.67 ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ ถ.อารักษ์ ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมคนต่างด้าว สัญชาติลิทัวเนีย จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (18 วัน)”โดยคนต่างด้าวรายดังกล่าวให้การรับสารภาพว่าตนอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยใช้วีซ่านักเรียน แต่เมื่อครบกำหนดอนุญาตแล้วไม่ได้มาดำเนินการยื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรตามระยะเวลาที่กำหนด ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด
ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

วิทยาลัยโปลิจัดพิธีไหว้ครูประจำปี 2567 ไม่ตกเทรนพานลาบูบู้ ชุดมะม่วงน้ำปลาหวานก็มา

วิทยาลัยโปลิจัดพิธีไหว้ครูประจำปี 2567 ไม่ตกเทรนพานลาบูบู้ ชุดมะม่วงน้ำปลาหวานก็มา ชุดมะนาวพริกเกลือ ชุดต้มยำ ขนมไทย ตะบอกเพชรก็มา ทำเข้ากับยุคไอที ยุคเอไอ ยุคหุ้นยนต์ ก็ต้องมาก


วันนี้ผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ พาไปที่วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา เชียงใหม่ ถนนสุขเกษม ตำบลป่าตัน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีไหว้ครูประจำปี 2567 ขึ้น มีนักศึกษาเก่าละใหม่เข้าร่วม ไฮไลท์อยู่พานที่นักศึกษานำมาไหว้ครู ในแต่ละห้อง สาขาก็แตกต่างกัน ตามแนวคิดที่บอกได้เลยว่าสะดุดตามาก่อนเลยชุดพานลาบูบู้ ที่เป็นหน้าอาจารย์ประจำชั้น ชุดพาน มะม่วงน้ำปลาหวาน ที่จัดมาพร้อมให้อาจาย์รับประทาน ชุดต้มยำพร้อมลงหม้อปรุงอาหาร ชุดยุค 5 G ที่ใช้เอไอนำหุ่นยนต์เข้ามา ชุดรถไฟฟ้า เครื่องยนต์ที่บ่งบอกว่านี้คือสาขาอะไร ชุดที่บอกถึงความเปรียว มะนาวน้ำพริกเกลือ ไปจนถึงชุดตะบอกเพชรจัดพานในทะเลทราย ชุดผลไม้ตามฤดูกาลที่ขาดไปทะเรียนเนื่องจากปีนี้ราคาแพง ชุดขนมไทยที่แตกแต่งความสวยงามความเป็นไทยจ้ามาให้ครูอาจารย์ในปีนี้


ยังไม่เท่านั้นชุดเครื่องปรุงอาหาร มาพร้อมชุดเซ็ท แปรงสีฟันยาสีฟันสบู่แชมพูสระผมให้มาพร้อม แม้จะเป็นชุดรูปหน้าของนักศึกษาในห้องมามอบใหักับอาจารย์ เป็นอีกหนึ่งสีสันที่น้องๆ บอกว่าคิดขึ้นมาให้เข้ากับยุคช่วงสมัย นอกจากนี้ทางวิทยาลัยฯ ได้มอบเกียรติบัตรแก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนดีของแต่ละสาขา และชื่มชมผลการประกวดชนะเลิศการแข่งขันของนักศึกษาช่างยนต์ พร้อมมอบรางวัล ผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการ วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา เชียงใหม่ ได้เจิมอุปกรณ์ และ สื่อการเรียนการสอนของครูอาจารย์ก่อนเริ่มการเรียนการสอนในแต่ละสาขาวิชา

ตม .เชียงใหม่ เข้มตรวจแหล่งท่องเที่ยว จับกุมต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ หน่วยงานในสังกัดเข้มงวดในการป้องกันปราบปรามบุคคลต่างด้าวลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมให้ดำเนินการขยายผลจับกุมผู้นำพา ผู้ช่วยเหลือและผู้ร่วมขบวนการจนถึงที่สุด

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 17 มิ.ย.67 ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยว และสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณข่วงประตูท่าแพ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

โดยบุคคลต่างด้าวรายดังกล่าว ให้การว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ผ่านทางช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่

ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

 

 

 

SUN เปิดงานนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร ครั้งที่ 6 ยกระดับภาคการเกษตรสมัยใหม่

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ผลิตผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่นๆ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท “KC” เปิดงาน “งานนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร ครั้งที่ 6” เพื่อพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมเกษตรยั่งยืน วันที่ 15 มิถุนายน 2567 ณ ไร่ตะวันหวาน (SUN VALLEY) อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่

นายสนิท ศรีสุวรรณ กรรมการบริหาร SUN เป็นประธานเปิดงาน กล่าวว่า บริษัทได้จัดงานนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกษตรขึ้นเป็นครั้งที่ 6 เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานการผลิตข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตร ได้แก่ เกษตรกร สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน มาเสวนาและแบ่งปันความรู้ในการเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรมเกษตรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี นอกจากนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์กรพันธมิตรชั้นนำ อาทิ บ.ลิสเซินฟิลด์ บ.อีสท์เวสท์ซีด บ.แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ บ.ซินเจนทาครอป บ.ไฮโดรไทย บ.เจียไต๋ บ.คอร์เทวา บ.อกริไซเอนซ์ เป็นต้น จัดบูทแสดงความรู้ด้านการเกษตร และการใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเกษตรเชิงลึกในมิติต่างๆ โดยบริษัทมุ่งหวังว่า จะเป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมที่มีส่วนช่วยในการพัฒนานวัตกรรมการผลิตและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับและแก้ปัญหาด้านการเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัท ที่มีความมุ่งมั่นและส่งเสริมการดำเนินโครงการต่าง ๆ ต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปปรับปรุงการทำเกษตร ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเพิ่มคุณภาพผลผลิตให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับ งาน “นวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร ครั้งที่ 6” ในปีนี้ มีเกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจเข้ามาร่วมงานอย่างคึกคึก ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการบูรณาการนวัตกรรมที่อัจฉริยะสำหรับธุรกิจเกษตร เพื่อให้การบริหารจัดการเกษตรแบบครบวงจรและแม่นยำ สามารถเชื่อมต่อเกษตรกรรมท้องถิ่น สู่ระบบอุตสาหกรรมโลก สร้างอาชีพให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

ตม.เชียงใหม่ จับหนุ่มใหญ่ปากีสถาน OVERSTAY 20 ปี

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจเข้มพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสืบสวนติดตามจับกุมอาชญากรอย่างเต็มรูปแบบในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจสอบข้อมูลรายชื่อคนต่างด้าวและดำเนินการสืบสวน จับกุมคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay)

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2523 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 14 มิ.ย.67 ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ อ.สันป่าตอง จว.เชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมคนต่างด้าว สัญชาติปากีสถาน จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (7,507 วัน)”

โดยคนต่างด้าวรายดังกล่าวให้การรับสารภาพว่าตนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว และเมื่อครบกำหนดอนุญาตแล้วไม่ได้มาดำเนินการยื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรตามระยะเวลาที่กำหนด ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

 

 

 

 

ตม.เชียงใหม่ จับต่างชาติ หนีหมายจับยาเสพติด 3 ปี สุดท้ายไม่รอด

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจเข้มพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสืบสวนติดตามจับกุมอาชญากรอย่างเต็มรูปแบบ

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือกระทำความผิดตามกฎหมายอื่นๆ

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการร่วมกับ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สืบทราบว่ามีคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ต้องหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ได้หลบหนีหมายจับศาลอาญามากบดานอยู่ในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ จึงได้สืบสวนหาข่าวเพิ่มเติม และวางแผนติดตาม จนพบตัว และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล หลังจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

 

ผอ.เขื่อนแม่งัดเผยปีนี้คาดมีน้ำกักเก็บถึงธันวาคม 67 ประมาณ 265 ล้าน ลบ.ม. ใกล้เคียงปี 66

ผอ.เขื่อนแม่งัดเผยปีนี้คาดมีน้ำกักเก็บถึงธันวาคม 67 ประมาณ 265 ล้าน ลบ.ม. ใกล้เคียงปี 66 ขณะช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาฝนตกหนักตลอดทั้งคืน เขื่อนตกเพียง 5 มิลลิเมตร ไม่ได้ส่งผลให้เพิ่มน้ำในเขื่อน พร้อมออกนำเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบและเตรียมความพร้อมระบบการทำงานของอาคารระบายน้ำล้นปกติ (Service Spillway) เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ตำบลช่อแล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่


นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล หรือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ตำบลช่อแล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เผยว่าหลังจากเข้าในห้วงฤดูฝนที่ผ่านมา มีช่วงต้นสัปดาห์มีฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงรุ่งเช้าอีกวัน แต่ปกราฎว่าฝนที่ตกนั้นอยู่ในเขตอำเภอเมืองและรอบเมืองเชียงใหม่ เป็นพื้นที่หลัง หรือท้ายเขื่อน ส่วนที่เขื่อนแม่งัดมีฝนตกลงมาเพียง 5 มิลลมิเมตรเท่านั้น ซึ่งน้ำในเขื่อนจะเพิ่มต้องตกหน้าเขื่อนในพื้นที่อำเภอพร้าว ซึ่งเป็นต้นน้ำที่จะไหลเข้าเขื่อนแม่งัด ส่วนฝนที่ตกในอำเภอเชียงดาว ก็ไหลลงแม่น้ำปิงไม่ได้ไหลเข้าเขื่อนแม่งัด ช่วงเข้าฤดูฝนมาจนถึงปัจจุบันจากปริมาณน้ำฝน และปริมาณน้ำในเขื่อนยังน้อยกว่าปีที่แล้ว 2566 ถึงร้อยละ30-40 ปีนี้คาดจะมีพายุเข้ามาประมาณ 2 ลูก ก็ต้องดูปัจจัยด้านอื่นของสภาพดินฟ้าอากาศ ที่จะมาเพิ่มน้ำจากนี้ คาดว่าในปีนี้จะมีปริมาณน้ำกักเก็บสูงสุดในห้วงเดือนธันวาคมเต็มความจุ 265 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ความจุของเขื่อนรองรับน้ำได้ถึง 293 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปีนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนจะไม่ถึงระดับกักเก็บสูงสุด และไม่มีน้ำล้นออกจากเขื่อนทางอาคารระบายน้ำล้น หรือ Service Spillway ทั้งนี้ต้องดูปัจจัยของดินฟ้าอากาศอีกครั้ง ขณะนี้ไม่มีการระบายน้ำคงกักเก็บน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด


ปริมาณน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ปริมาณน้ำ 155.728 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 58.77% น้ำไหลเข้า 0.813 ล้าน ลบ.ม. น้ำออก 0.011 ล้าน ลบ.ม. ส่วน แผนส่งน้ำฤดูฝน ปี 2567 ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในเขตพื้นที่โครงการฯ 40 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่ 24 มิ.ย. 67 – 30 พ.ย.67 ผลการส่งน้ำสะสมตั้งแต่ 24 มิ.ย. 67 – ปัจจุบัน 0 ล้าน ลบ.ม. และจัดแผนการส่งน้ำสนับสนุนการอุปโภค – บริโภค สองฝั่งแม่น้ำปิงจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน และช่วยเหลือเกษตรกรปลูกไม้ผล (ในกรณีฝนทิ้งช่วง)


อย่างไรก็ตามนายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล พร้อมด้วยนายธีรัตน์ พันธุประกิจ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม นายพัชรพงษ์ สาเขตร์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 นายคณาพจน์ มาเทพ หัวหน้าฝ่ายช่างกล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างกล ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเตรียมความพร้อมระบบการทำงานของอาคารระบายน้ำล้นปกติ (Service Spillway) เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล แบบบานโค้งขนาด 12.50×6.00 เมตรจำนวน 3 ช่อง ระบายน้ำได้สูงสุด 1,035 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยโครงการฯ ได้ดำเนินการบำรุงรักษา ตรวจสอบและทดลองระบบการยกของบานดังกล่าวให้มีสภาพพร้อมใช้งาน เพื่อรองรับการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนปี 2567 และเตรียมรองรับการระบายน้ำ


ในกรณีที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชลมากกว่าปริมาณน้ำคาดการณ์ ซึ่งโครงการฯ ได้ปฏิบัติตาม 10 มาตรการ รับมือฤดูฝนปี 2567 ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มาตรการที่ 3 การเตรียมความพร้อม เครื่องจักรเครื่องมืออาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ โทรมาตร บุคลากรประจำพื้นที่เสี่ยงและศูนย์อพยพให้สามารถรองรับสถานการณ์ในช่วงน้ำหลากและฝนทิ้งช่วงกรมรสประทาน