มหาวิทยาลัยแม่โจ้ MOU กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน การพัฒนาวิชาชีพด้านการเกษตร


มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยวิทยาลัยนานาชาติ มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ(MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา รก.อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ นาย Dasho Thinley Namgyel ปลัดกระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน เป็นผู้แทนลงนาม ณ ห้องอินทนิล สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้

การลงนามในครั้งนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือ ในการเพิ่มพูนความรู้ทางด้านการเกษตร สัตวศาสตร์ การประมง รวมถึงพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ให้กับ บุคลากร ข้าราชการ กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน ผ่านการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้น ด้วยองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการทุนการศึกษาด้านการเกษตรและการพัฒนาวิชาชีพ โดยรัฐบาลของราชอาณาจักรภูฏาน

เชียงใหม่ สภ.โหล่งขอด เชียงใหม่ ร่วมบช.ปส. สกัดยึดยาบ้า 5.6 ล้านเม็ด

เชียงใหม่ สภ.โหล่งขอด เชียงใหม่ ร่วมบช.ปส. สกัดยึดยาบ้า 5.6 ล้านเม็ด

วันนี้ 4 พ.ค. 2567 เวลา 03.30น. พ.ต.อ.ศุภชัย จันทรา ผกก.สภ.โหล่งขอด จว.เชียงใหม่ ได้รับการประสานจาก บช.ปส โดยมี พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณหน.ชุด บช.ปส. ว่าจะมีรถขนยาผ่านในพื้นที่จึงได้ตั้งจุดตรวจพิทักษ์ธรรม ถนนสายเชียงใหม่-พร้าว สกัดรถคันดังกล่าว และได้ว.20 รถดังกล่าว ได้ก่อนถึงจุดตรวจ เบื้องต้นพบเป็นกระสอบซุกซ่อนในรถจำนวน 28 กระสอบตรวจสอบเบื้องต้นยาบ้าประมาณ5,600,000 เม็ดทราบชื่อ ผู้ต้องหา 2 คน ด.ช.สถาพร เราฉ่วง อายุ 14 ปี(ไม่พบบัตร) และหลบหนีไป 1 ราย มีกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกช่วงคนร้ายวิ่งหล่นหนีขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งติดตาม

เบื้องต้นบช.ปส.จะนำผู้ต้องหานำไปขยายผลที่ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด3 (ส่วนหน้า)เชียงใหม่ ต่อไป
.

.

2 นศ.ชาวต่างประเทศ ม.แม่โจ้ คว้ารางวัล เสน่ห์เสียงไทย 2024 การประกวดอ่านออกเสียงร้อยแก้ว

2 นศ.ชาวต่างประเทศ ม.แม่โจ้ คว้ารางวัล เสน่ห์เสียงไทย 2024 การประกวดอ่านออกเสียงร้อยแก้วสำหรับ นิสิตนักศึกษาชาวต่างประเทศ

นักศึกษาชาวต่างประเทศ หลักสูตรภาษาไทยสำหรับชาวต่างประเทศ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คว้า 2 รางวัล ในโครงการ “เสน่ห์เสียงไทย : การประกวดอ่านออกเสียงร้อยแก้วสำหรับ นิสิตนักศึกษาชาวต่างประเทศ ประจำปี 2024” ผ่านระบบออนไลน์ Zoom meeting เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นโดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับภาควิชาภาษาไทย วิทยาลัยภาษาต่างประเทศและวิเทศสัมพันธ์ฉงชิ่ง เพื่อให้นักศึกษาชาวต่างประเทศได้ ร่วมแสดงความสามารถและเรียนรู้เสน่ห์ของการอ่านออกเสียงภาษาไทย โดยมี นักศึกษาต่างชาติ จากสถาบันต่างๆ เข้าร่วมโครงการกว่า 40 มหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ โดย 2 นักศึกษาชาวต่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สามารถคว้ารางวัลมาได้ ดังนี้

– รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ Mr. Sai Swan Kan (กานต์) จากประเทศเมียนมา นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ชมผลงาน https://youtu.be/qatxED84ZN0

– รางวัลรางวัลชมเชย ได้แก่ Mr. Sai Kwan Khay (กรณ์) จากประเทศเมียนมา นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ชมผลงาน https://youtu.be/TyC15rOXPO0

ผศ.ดร. ชนาพร ขันธบุตร คณบดีคณะศิลปศาสตร์ กล่าวว่า “คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีหลักสูตรภาษาไทยสำหรับชาวต่างประเทศ ที่เปิดสอนนักศึกษาต่างประเทศ ทั้งนี้ ได้มีการส่งเสริมกิจกรรมต่างๆให้นักศึกษาชาวต่างประเทศอยู่เสมอ เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะภาษาไทยทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน ซึ่งกิจกรรมนี้ ชี้ให้เห็นว่า นักศึกษาชาวต่างประเทศของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สามารถเรียนรู้การใช้ภาษา สืบสานและเข้าใจวัฒนธรรมไทย ได้เป็นที่ประจักษ์ และใช้ชีวิตในประเทศไทยได้อย่างมีความสุข”

ตม.เชียงใหม่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครเชียงใหม่ ตรวจสอบร้านค้า แผงลอย ป้องกันแรงงานต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย


ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจเข้มพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมอย่างเต็มรูปแบบ
ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปรามฯ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง และส่วนราชการในพื้นที่ ออกตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น


วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการร่วมกับ งานรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง เทศบาลนครเชียงใหม่ และกลุ่มงานจราจร ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ออกตรวจสอบ และจัดระเบียบผู้ค้าบริเวณถนนช้างม่อย เพื่อให้พื้นที่สาธารณะ ทางเท้า และถนนมีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงตรวจสอบการลักลอบทำงาน การประกอบอาชีพขายของหน้าร้าน หรือเร่ขายของ ของแรงงานต่างด้าวอันเป็นการฝ่าฝืน ประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 1 เมษายน 2563 เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำผลการตรวจสอบ ไม่พบคนต่างด้าวการกระทำความผิดแต่อย่างใด จึงประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง, พ.ร.บ.ค้ามนุษย์, พ.ร.บ.การทำงาน และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทราบ


ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มอังกฤษ อยู่เกินวีซ่าเกือบ 2 เดือน ส่งกลับประเทศ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและ ปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ในห้วงที่มีการจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ 2567 และในช่วงวันหยุดยาว พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจสอบข้อมูลรายชื่อคนต่างด้าวและดำเนินการสืบสวน จับกุมคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay)

 

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 25 เม.ย.67 ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ ต.หายยา อ.เมือง จว.เชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมคนต่างด้าว สัญชาติบริติช จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (54 วัน)”โดยคนต่างด้าวรายดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรด้วยเหตุผลเป็นนักท่องเที่ยว แต่เมื่อครบกำหนดอนุญาตแล้วไม่ได้มาดำเนินการยื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรตามระยะเวลาที่กำหนด ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

SUN และ EXE มอบอาหารช่วยผู้ลี้ภัยชายแดนเมียนมา

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ร่วมกับ บริษัท เอคเซลเล็นซี ออโต้ บิซิเนส จำกัด หรือ EXE สนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารให้ผู้อพยพลี้ภัยจากการสู้รบชายแดนเมียนมา บริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อบรรเทาความยากลำบาก และมีส่วนร่วมในการทำประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

SUN มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลและรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ขจัดความอดอยาก หิวโหย สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากอพยพเข้ามาอยู่ในศูนย์สั่งการชายแดน ไทย-เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริษัทฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือในด้านอาหาร จึงร่วมกับบริษัท EXE ในการขนส่งผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง ตรา KC จำนวน 100 กล่อง (2,400 กระป๋อง) โดยมอบผ่านหอการค้าภาคเหนือตอนล่าง เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยให้ได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัย และบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตามหลักมนุษยธรรมในยามที่เผชิญความทุกข์ยาก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ตม.เชียงใหม่ เดินหน้าตรวจสถานประกอบการย่านดัง รวบอีก 3 เมียนมาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวในทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจเข้มพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสืบสวนติดตามจับกุมอาชญากรอย่างเต็มรูปแบบ


ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง


วันที่ 24 เม.ย.67 พ.ต.ต.สุธีรเทพ โพธิ์นฤมิต สว.ตม.จว.เชียงใหม่ นำทีม ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานประกอบการบริเวณถนนนิมมานเหมินทร์ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 3 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 37 (1) และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2561 (ฉบับที่ 2) มาตรา 8 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


โดยคนต่างด้าวทั้ง 3 ราย รับสารภาพว่า ได้ลักลอบมาทำงานที่รีสอร์ทแห่งนี้ได้ประมาณ 3 เดือน โดยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ได้รับเงินเดือน 10,200 บาท ซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงานแต่อย่างใด ก่อนถูกเจ้าหน้าที่สืบสวนตม.จว.เชียงใหม่ สืบสวนติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด


ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

ตม.เชียงใหม่ ตรวจเข้มสถานประกอบการ อ.สารภีรวบ 2 แรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวทำงานโดยไม่มี

    ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวในทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจเข้มพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสืบสวนติดตามจับกุมอาชญากรอย่างเต็มรูปแบบ


ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง วันที่ 23 เม.ย.67 พ.ต.ต.สุธีรเทพ โพธิ์นฤมิต สว.ตม.จว.เชียงใหม่ นำทีม ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานประกอบการร้านอาหารในพื้นที่ อ.สารภี จว.เชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติลาว จำนวน 2 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 37 (1) และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2561 (ฉบับที่ 2) มาตรา 8 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภี จว.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


โดยคนต่างด้าวทั้ง 2 ราย รับสารภาพว่า ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยการยกเว้นการตรวจลงตรา ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเพื่อการท่องเที่ยว 30 วัน แต่หลังจากนั้นได้ลักลอบหางานทำ และทำงานที่ร้านเกิดเหตุในตำแหน่งพ่อครัวและแม่ครัว ได้รับค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน โดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ สืบสวนติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศจัดงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา” พิธีเถราภิเษก รูปหล่อองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัย

มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา และคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนภาคเหนือ (ตอนบน) จัดงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา” พิธีเถราภิเษก รูปหล่อองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัย โดยมีเอกอัครราชทูต,กงสุลใหญ่กว่า 10 ประเทศ เข้าร่วมพันธกิจเพื่อหนุนเสริมประกาศเกียรติคุณองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นบุคคลสำคัญของโลก ของ UNESCO


วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2567 ที่วิหารหลวง หลวงปู่ โครงการฮิมมา เพรสทีจ ลิฟวิ่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนาและคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนภาคเหนือ (ตอนบน) จัดงานพิธีเผยแผ่พระพุทธศาสนา” พิธีเถราภิเษก รูปหล่อองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัย หน้าตัก 30 นิ้ว จำนวน 3 องค์ และมอบองค์พระครูบาเจ้าศรีวิชัยหน้าตักขนาด 30 นิ้ว 9 นิ้ว 5 นิ้วและเหรียญบูชา พร้อมเอกสารการบูชาพระรัตนตรัย พระคาถาบารมี 30 ทัศ หนังสือพระไตรปิฎก ให้กับคณะธรรมทูตและตัวแทนประเทศในการนำไปประดิษฐาน ณ นานาประเทศทั่วโลก โดยได้รับความเมตตาจาก พระเดชพระคุณ พระธรรมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร รองเจ้าคณะภาค 7 มอบหมายให้เจ้าพระคุณพระสิทธิวชิรานุกูล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เลขารองเจ้าคณะภาค 7 เป็นประธานพิธีสงฆ์ ในการประกอบพิธีเผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านกระบวนการธรรมทูต เพื่อเป็นกิจกรรมร่วมกันหนุนเสริมการเผยแพร่และประกาศเกียรติคุณองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัย ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติขององค์การยูเนสโก โอกาสนี้ได้รับเกียรติจากนาง ซี เอ ชามินดา ไอ โคลอนนี่ เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทยและผู้แทนถาวรประจำคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UNESCAP) นายกฤษณะ จัยตัญญา กงสุลสาธารณรัฐอินเดียประจำจังหวัดเชียงใหม่, นาย เฉิน ไห่ผิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่, นาย ฮิกุจิ เคอิจิ (Mr.HIGUCHI Keiichi) กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ ,กงสุลใหญ่สาธารณรัฐแห่งแห่งสหภาพเมียนมา ณ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยกงสุลประเทศต่างๆ กว่า 10 ประเทศได้มาร่วมพิธีเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อร่วมดำเนินการหนุนเสริมการประกาศเกียรติคุณองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัยต่อ ยูเนสโก ในครั้งนี้อีกด้วย
สำหรับบทบาทของแต่ละประเทศที่เข้ามาร่วมผลักดัน ก็จะได้รับชุดประกาศเกียรติคุณครูบาเจ้าศรีวิชัยอันประกอบด้วยองค์รูปหล่อครูบาเจ้าศรีวิชัย ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว 9 นิ้วและ 5 นิ้ว เอกสารการบูชาพระรัตนตรัย พระคาถาบารมี 30 ทัศ หนังสือพระไตรปิฎก และบันทึกภาพการสวดด้วยภาษาบาลีจำนวน 6 ภาษาให้กับคณะตัวแทนแต่ละประเทศเพื่อนำไปประดิษฐาน ณ ประเทศต่างๆ ด้วยกระบวนการธรรมทูต ได้แก่ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา,สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล,สาธารณรัฐอินเดีย, ทวีปเอเชีย ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน,ประเทศญี่ปุ่น,สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา,สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว,สาธารณรัฐกัมพูชา, ประเทศอังกฤษ, ประเทศออสเตรเลีย เพื่อประกาศเกียรติคุณและหนุนเสริมครูบาเจ้าศรีวิชัยให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก (ยูเนสโก)ตามเงื่อนไขที่กำหนด และมีกำหนดการว่า ในเดือนตุลาคม 2569 จะต้องยกร่างฉบับสมบูรณ์ยื่นเสนอต่อ องค์การยูเนสโก เพื่อให้พิจารณาประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกให้ทันกำหนดและจะได้ร่วมจัดพิธีการเฉลิมฉลองในวาระ ครบรอบ 150 ปี ชาตกาล ครูบาเจ้าศรีวิชัย ในปี 2571 ต่อไป


ขณะเดียวกันคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนภาคเหนือ (ตอนบน) ได้เข้ากราบนมัสการหารือพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร รองเจ้าคณะภาค 7 ในการนำชุดเผยแพร่ประกาศเกียรติคุณครูบาเจ้าวิชัย จำนวน 12 ชุดที่มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา จัดสร้างขึ้นเพื่อนำมามอบถวายแด่ พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม อธิบดีสงฆ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ประธานคณะกรรมการอบรมประชาชนกลาง เพื่อเมตตาพิจารณามอบให้วัดไทยจำนวน 12 วัด ในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศเยอรมนี ตามวโรกาสที่ท่านเจ้าประคุณจะเสด็จไป


ประกอบกับคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนภาคเหนือ(ตอนบน) ได้ลงพื้นที่ 10 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำพูน จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดพะเยา จังหวัดน่าน จังหวัดลำปาง จังหวัดตาก จังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดสุโขทัย เพื่อถวายองค์รูปหล่อครูบาเจ้าศรีวิชัย ขนาด 9 นิ้ว ให้เจ้าคณะจังหวัดในการทำหน้าที่เผยแพร่ประกาศเกียรติคุณครูบาเจ้าศรีวิชัยในระดับภูมิภาคควบคู่กับการเผยแพร่ในระดับนานาประเทศ เพื่อที่จะทำให้ภารกิจของชาวพุทธในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ


นอกจากนี้ภายในงานยังมีพิธีทำบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือ ปล่อยปลาและพันธุ์สัตว์น้ำ การมอบทุนให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่, โรงพยาบาลนครพิงค์และมอบทุนการศึกษาให้กับ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น มอบทุนสนับสนุนวงดุริยางค์ โรงเรียนป่าซาง จ.ลำพูน มอบกองทุนโลงศพและกองทุนสาธารณะประโยชน์อื่นๆ ด้วย โอกาสนี้ตลอดพิธีการได้มีการถ่ายทอดสดผ่านทางเพจเฟสบุ๊ค ของ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา สถานีวิทยุวัดฝายหิน fm 104.5 ,สถานีวิทยุคลื่นสีขาวเพื่อชาวประชา คลื่น 98.75และ เครือข่ายอีก 27 สถานี ตั้งแต่เวลา 08.00 – 13.00 น.โดยพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมงานครั้งสำคัญนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแผ่และสืบสานพระพุทธศาสนาไปยังนานาประเทศทั่วโลก ตามเจตนารมณ์สืบสานศาสนา รักษาแผ่นดิน.

ปปส.ภาค 5 ร่วมกับหน่วยงานภาคี 3 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ปฏิบัติการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงเทศกาลสงกรานต์

สำนักงาน ปปส.ภาค 5 หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และภาคียาเสพติด บูรณาการจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ภายใต้คำขวัญ “สืบสานประเพณีไทย สงกรานต์ชื่นใจ ชุมชนปลอดภัยยาเสพติด” ระหว่างวันที่ 11-12 เมษายน และ 16-17 เมษายน 2567 ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ (อาเขต) สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย และสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง

โดยตรวจหาสารเสพติดและแอลกอฮอล์พนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนระหว่างเดินทาง พร้อมพบปะและแจกสื่อให้กับประชาชน อาทิ แผ่นพับ กระเป๋า น้ำดื่ม แจ้งเตือนประชาชนไม่รับฝากสิ่งของจากบุคคลแปลกหน้าเพราะอาจเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย รวมทั้งเชิญชวนร่วมกันแจ้งเบาะแสะยาเสพติด ผ่านสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ผลการปฏิบัติการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด 3 จังหวัด จำนวน 85 ราย ไม่พบสารเสพติด

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ที่มอบหมายให้หน่วยงานบูรณาการทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังเพื่อดูแลทุกข์และสุขของประชาชนจากปัญหายาเสพติด เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน