NIA นำ23 ผู้ประกอบการพัฒนานวัตกรรมเชิงสุขภาพ จัดงาน Creative Innovation Showcase 2024

NIA นำ23 ผู้ประกอบการพัฒนานวัตกรรมเชิงสุขภาพ จัดงาน Creative Innovation Showcase 2024 พร้อมจัดเวทีใหม่สำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้ธุรกิจเติบโตในเชียงใหม่ ในด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พร้อมทั้งเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้และขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

นางสาวอติกานต์ สุทธิวงษ์ นักส่งเสริมนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA  กล่าวเปิดงาน Creative Innovation Showcase 2024 ที่จัดขึ้นในวันที่ 7-8 ธันวาคม 2567 ณ จริงใจวิลเลจ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งงานนี้รวบรวมสุดยอดผลงานจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 23 ราย จาก 3 สาขา ได้แก่สาขาการออกแบบ, แฟชั่น และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ได้รับการพัฒนาธุรกิจจากเมนเทอร์มากประสบการณ์ จากพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือและภาคใต้ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ, สตาร์ทอัพ, นักลงทุน, หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงผู้สนใจได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษและและเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจในระดับทั้งในประเทศและต่างประเทศ


งาน Creative Innovation Showcase 2024 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้โครงการยกระดับวิสาหกิจฐานนวัตกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ(NEC) และ ภาคใต้ (SEC) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ได้แสดงศักยภาพของวิสาหกิจฐานนวัตกรรมและโปรเจ็กต์ที่ตอบโจทย์โลกยุคปัจจุบันใน 3 สาขาหลัก ได้แก่ การออกแบบ, แฟชั่น, และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของธุรกิจและบุคลากรในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และมีเป้าหมายในการสร้างเวทีให้ผู้ประกอบการจากพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษได้แสดงศักยภาพและนวัตกรรมที่น่าสนใจ พร้อมเปิดโอกาสในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนแนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้


สำหรับงานนี้เป็นการนำผู้ประกอบการ ในด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พร้อมทั้งเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้และขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต พร้อมร่วมเวทีเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้สร้างคอนเทนต์ทรงพลัง ชนะตั้งแต่ก้าวแรก สูตรลับฉบับ 1 ล้านคนติดตาม” โดย นายปรัชญา โมรา” เจ้าของเพจ ไปให้ถึง100ล้าน ร่วมสร้างอนาคต: ภาครัฐ ภาคเอกชน กับการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์” นายภูมินทร์ มีถาวร ผู้จัดการฝ่ายไมซ์อินเทลลิเจนซ์และนวัตกรรม หรือ TCEB, คุณสันติ เหล่าพาณิชย์กุลกรรมการหอการค้าเชียงใหม่ และ นางสาวอิ่มหทัย กันจินะ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)

ด้านนวัตกรรมและการสร้างอิทธิพล: กลยุทธ์ธุรกิจในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง” โดยเมนเทอร์มากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ได้แก่ คุณสาธิต กาลวันตวานิช ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทฟีโนมีนา และผู้ก่อตั้งแบรนด์ พร็อพพาแกนดา (Propaganda), คุณธรรศภาคย์ เลิศเศวตพงษ์ ที่ปรึกษาด้านการออกแบบธุรกิจ และ คุณวนิดา ประภารัตน์ Founder & Brand Director Hamburger Studio• Networking กิจกรรมสร้างเครือข่าย เปิดบทสนทนา ต่อยอดธุรกิจ และสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ

งานนี้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ, หน่วยงานภาครัฐ, และสื่อมวลชนจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับและความสำคัญของการสร้างเครือข่ายธุรกิจในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พร้อมทั้งเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้และขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

พช.เชียงใหม่ ยกผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนวิถีใหม่รวมมาไว้ที่เดียว

พช.เชียงใหม่ ยกผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนวิถีใหม่รวมมาไว้ที่เดียว ให้นักท่องเที่วได้ชิม ช้อป ใช้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2567 ลานน้ำพุชมดอย ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

 

นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ หมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนวิถีใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ ตามที่ รัฐบาลมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาและเสริมขีดความสามารถการแข่งขัน สร้างความหลากหลายด้านการ โดยดำเนินการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมแหล่ง ท่องเที่ยว อันมีลักษณะโดดเด่นร่วมกันหรือจัดเป็นกลุ่ม อาทิ กลุ่มธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ท้องถิ่นและสุขภาพ ที่จะเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาจากวิถีชุมชน ประกอบกับแนวทางการพัฒนาภาคเหนือ ด้าน การพัฒนาการท่องเที่ยวและบริการฐานภูมิปัญญาและวัฒนธรรม เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ จังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด “นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง” โดยจังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีศักยภาพด้าน การท่องเที่ยวสูง มีความโดดเด่นทางด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม, การ ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ


สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ได้นำ ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชน ของหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนเชียงใหม่ จำนวน 13 หมู่บ้านๆละ 2 ผลิตภัณฑ์ รวมจำนวน 26 ราย มาชิม ช้อป ใช้ สินค้าเกษตรแปรรูป ผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งอาหาร เครื่องดื่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ของใช้ของตกแต่ง สมุนไพร ร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายมากมาย อาทิ สินค้านาทีทอง เล่นเกมส์แจกของรางวัล พร้อม ลุ้นซื้อสินค้าครบ 300 บาท จับแจกของรางวัลในงาน ยังได้สนุกสนาน กับวงดนตรีสากล และวงดนตรีพื้นบ้านล้านนา (เวลา 12.30-13.30 น. และ 17.00-18.00 น. ทุกวัน)ระหว่างวันที่ 6 – 8 ธันวาคม 2567 ณ น้ำพุชมดอย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต

SUN ประชุมประจำปี เดินหน้าขับเคลื่อนแผนธุรกิจปี 2568

SUN ประชุมประจำปี เดินหน้าขับเคลื่อนแผนธุรกิจปี 2568 ปักหมุดความยั่งยืน ขยายตลาดพร้อมรับทุกความท้าทาย

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ผลิตและส่งออกข้าวโพดหวานครบวงจรของประเทศไทย ประชุมประจำปี 2567 พร้อมขับเคลื่อนแผนธุรกิจปี 2568 มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมี ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการบริษัท และ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานที่ปรึกษา พร้อมคณะผู้บริหาร และพนักงานเข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 ณ ห้องประชุมไร่ตะวันหวาน (Sun Valley)

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมั่นคง เราสามารถขยายฐานตลาดต่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ แม้เผชิญความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก ความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากความทุ่มเทของทีมงานทุกฝ่าย และการสนับสนุนจากผู้มีส่วนได้เสียทุกท่าน บริษัทฯได้จัดการประชุมครั้งนี้ขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในองค์กร สะท้อนความมุ่งมั่นของ SUN ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป พร้อมสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กรในทุกมิติ

 

สำหรับปี 2568 SUN ได้กำหนด แผนธุรกิจเชิงรุกที่เน้นการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยวิสัยทัศน์ ‘WISDOMS’ ซึ่งครอบคลุมทุกมิติของการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยการนำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเน้นสินค้าพร้อมรับประทาน สินค้าเพื่อสุขภาพ และสินค้าพรีเมียมร่วมกับพันธมิตร ซึ่งจะสอดรับกับโครงการก่อสร้างอาคาร Mini Factory 2 ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตสินค้าพร้อมรับประทาน และตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในและขยายตลาดสู่สากล ภายใต้กลยุทธ์ Go West โดยเพิ่มช่องทางจำหน่ายในยุโรปและอเมริกามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง ESG เพื่อการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

ตม.เชียงใหม่ รวบ 2 เมียนมาไม่มีใบอนุญาตทำงานรับค่าจ้างรับเงินสดเดือน 1 หมื่นกว่าบาท มา 8 เดือน

พล.ต.ต. เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เข้มงวดในการป้องกันปราบปรามบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมให้ดำเนินการขยายผลจับกุมผู้นำพา ผู้ช่วยเหลือ และผู้ร่วมขบวนการจนถึงที่สุด โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 4 ธ.ค.67 พ.ต.ต.สุธีรเทพ โพธิ์นฤมิต สว.ตม.จว.เชียงใหม่ นำทีมชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานประกอบการในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ ต.บ้านปง อ.หางดง จว.เชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 2 ราย รายแรก ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานและเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนรายที่ 2 ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ทำงานไม่แจ้งให้นายทะเบียนทราบถึงผู้เป็นนายจ้าง สถานที่ทำงานของนายจ้าง และลักษณะงานที่ทำภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่เข้าทำงาน”

ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพว่าตนได้มาทำงานเป็นแม่บ้าน ซึ่งไม่ได้ดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินสด 11,000 บาท ต่อเดือน เป็นระยะเวลาประมาณ 8 เดือน ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

ไม่รอด ชายฟินแลนด์ ตม.เชียงใหม่ตามรวบ Overstay กว่า 10 ปี หนีกบดานเชียงใหม่

พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการสืบสวน จับกุมคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และ พ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ      ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

ภายหลังชุดสืบสวนตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงใหม่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีคนต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) นานหลายปี หนีมากบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบพิกัดของคนต่างด้าวรายดังกล่าว หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.67 จึงได้บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบจุดต้องสงสัยบริเวณ อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ พบชายสัญชาติฟินแลนด์ จำนวน 1 ราย จึงขอตรวจสอบข้อมูลบุคคลจากระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 3,844 วัน จึงทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและรอดำเนินการผลักดันส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป โดยคนต่างด้าวรายดังกล่าวให้การรับสารภาพว่าตนอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว แต่เมื่อครบกำหนดอนุญาตแล้วไม่ได้มาดำเนินการยื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรตามระยะเวลาที่กำหนด พยายามหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

 

ตม.เชียงใหม่ รวบ 3 แม่บ้านต่างด้าวเมียนมาลักลอบทำงานไม่ขอใบอนุญาต

พล.ต.ต. เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เข้มงวดในการป้องกันปราบปรามบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมให้ดำเนินการขยายผลจับกุมผู้นำพา ผู้ช่วยเหลือ และผู้ร่วมขบวนการจนถึงที่สุด

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 พ.ต.ต.สุธีรเทพ โพธิ์นฤมิต สว.ตม.จว.เชียงใหม่ นำทีมชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานประกอบการในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ ต.หายยา อ.เมือง จว.เชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 3 ราย ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และ เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การรับสารภาพว่าตนได้มาทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาด ซึ่งไม่ได้ดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินสด 7,000 บาท ต่อเดือน เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด

 

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

รมว.ยุติธรรม เผยขบวนการค้ายาเสพติดเน้นขายผ่านทางออนไลน์มากขึ้นเพื่อหลบเลี่ยง

รมว.ยุติธรรม เผยขบวนการค้ายาเสพติดเน้นขายผ่านทางออนไลน์มากขึ้นเพื่อหลบเลี่ยง พร้อมให้กำลังเจ้าหน้าที่ และติดตามผลการดำเนินงานด้านการสกัดกั้นยาเสพติด ของ นบ.ยส.35 ที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดตาก สามารถตรวจยึด จับกุม ยาบ้า ได้กว่า 38 ล้านเม็ดเศษ ไอซ์ 2,058 กิโลกรัม เฮโรอีน 140 กิโลกรัม คีตามีน 796 กิโลกรัม Happy water 4.8 กิโลกรัม และ เคมีภัณฑ์กว่า 880 ตัน “ลดยาเสพติดเข้า ลดสารเคมีออก”.

 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และคณะ ลงพื้นที่ ติดตามความก้าวหน้าและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พลโท กิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35 ) นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานสถานการณ์ยาเสพติด การดำเนินงานด้านปราบปราม และการบังคับใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มาให้กำลังใจและติดตามการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ เนื่องจากรัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยอาศัยความตามมาตรา 5(10) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เน้นการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของวงจรการค้ายาเสพติด การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย พร้อมเพิ่มขีดความสามารถ ในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการสกัดกั้นยาเสพติด เพื่อเป็นการลดการนำเข้ายาเสพติดและการส่งออกสารเคมี บริเวณชายแดนภาคเหนือ ตลอดจนการปราบปรามเครือข่ายของยาเสพติด ด้วยมาตรการยึดทรัพย์ โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการปราบปรามทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้พบว่าเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดได้เปลี่ยนรูปแบบการขายยา หันมาใช้ระบบสั่งซื้อขายออนไลน์มากขึ้น เพื่อหลบเลียงการถูกจับกุม ในวันนี้ได้หารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการป้องกันสกัดกั้นอย่างไรต่อไป

พลโท กิตติพงศ์ ชื่นใจชน ผบ.นบ.ยส.35 เผยถึงปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ยังคงมีความรุนแรง เนื่องจากอยู่ใกล้พื้นที่ผลิตหลักในประเทศเพื่อนบ้าน และยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นตัวเร่งอัตราการผลิต หน่วยจึงบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อการวางกำลังสกัดกั้นยาเสพติด ครอบคลุม 6 จังหวัด 21 อำเภอชายแดน ที่เชื่อมต่อพื้นที่ตอนใน โดยการเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้นพื้นที่ ทั้งเส้นทางหลัก เส้นทางรอง และเส้นทางอ้อมที่ไม่ผ่านด่านตรวจ ขณะเดียวกัน ในปีงบประมาณ 2568 กรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้เข้ามามีบทบาทในการยกระดับความร่วมมือเชิงรุก เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับภูมิภาค เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังได้นำเสนอให้มีการปรับปรุงรายชื่อสารเคมี ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพิ่มเจ้าหน้าที่ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสารเคมีในกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือเจ้าหน้าที่ ที่มีความเชี่ยวชาญประจำพื้นที่ล่อแหลม ในการส่งออกสารเคมี รวมทั้งเข้มงวดในการออกใบอนุญาต

ทั้งนี้ ในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. – พ.ย.67) หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) มีผลการสกัดกั้นและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการในพื้นที่ชายแดน จำนวน 8 เหตุการณ์ ตรวจยึดจับกุม 30 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่ อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดตาก ตามลำดับ สามารถตรวจยึด จับกุม ยาบ้า ได้กว่า 38 ล้านเม็ดเศษ ไอซ์ 2,058 กิโลกรัม เฮโรอีน 140 กิโลกรัม คีตามีน 796 กิโลกรัม Happy water 4.8 กิโลกรัม และ เคมีภัณฑ์กว่า 880 ตัน “ลดยาเสพติดเข้า ลดสารเคมีออก”.

เดือดร้อนเพราะเครื่องปั่นไฟ ชาวชุมชนอุ่นอารีย์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ยื่นหนังสือร้องเรียนผู้ว่าฯ

ชาวชุมชนอุ่นอารีย์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ยื่นหนังสือร้องเรียนผู้ว่าฯเชียงใหม่ กรณี โรงแรมใกล้เคียงใช้เครื่องปั่นไฟส่งผลให้ชาวบ้านหลายครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน

ที่ ศาลากลาง จังหวัดเชียงใหม่ นางละออง บัวละวงศ์ พร้อมด้วยชาวชุมชนอุ่นอารีย์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กว่า 10 คน เป็นตัวแทนชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายวีระพงษ์ วงศ์แสงศรี นิติกรชำนาญการพิเศษ เป็นตัวแทนมารับ เพื่อเสนอต่อ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ดำเนินการจะส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวเข้า ให้อย่างแก้ไขอย่างเร่งด่วน


นางละออง บัวละวงศ์ กล่าวว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาโรงแรมแห่งนี้ อยู่ด้านหน้าชุมชน ได้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวชุมชน จากการนำเครื่องปั่นไฟมาใช้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาทางตัวแทนชาวชุมชนได้ร้องเรียนไปยังเทศบาลนครเชียงใหม่และศูนย์ดำรงธรรมแล้ว แต่ทางโรงแรมยังเปิดเครื่องปั่นไฟ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต มลพิษทางอากาศ และเสียง จากการปั่นไฟ ซึ่งวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของชาวบ้าน พร้อมนำรายชื่อความเดือนร้อน เข้ามาร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอความเป็นธรรม เพราะขณะนี้ทางโรงแรมแห่งนี้ ยังเปิดใช้เครื่องปั่นไฟต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนเสียงดังมากจากเครื่องปั่นไฟดังกล่าว ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เร่งรัดดำเนินการช่วยเหลือชาวบ้าน เพราะมีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก รวมถึงผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถนอนพักผ่อนได้ในยามค่ำคืน เสียง กลิ่น รบกวนตลอดเวลา

นนท.พาไปชมวิวใกล้พลค่ำจากวัดพระธาตุดอยสุเทพมองลงมาตัวเมืองเชียงใหม่

กำลังได้รับความนิยม นนท.พาไปชมวิวใกล้พลค่ำจากวัดพระธาตุดอยสุเทพมองลงมาตัวเมืองเชียงใหม่ ก็งามไม่แพ้วิวชมแสงแรก ชมทะเลหมอก สีสันของแสงไฟบ้านเรือนอาคาร มีดอยล้อมรอบตัวเมือง ซึ่งเวลา 20.30 น. ซึ่งทางวัดจะปิดการเข้ากราบไหว้องค์พระเจดีย์ วิหารต่างๆ และปิดการใช้ลิฟต์ แต่รอบด้านล่างองค์พระเจดีย์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่จะใช้การเดินขึ้นลงทางบันไดนาค

 

อีกหนึ่งการชมวิว ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ยามใกล้ ตะวันใกล้ตกดินจะพากันมายืนชมวิวตัวเมืองเชียงใหม่ จากจุดชมวิวบนวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวริหาร ตำบลสุดเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ด้านตะวันออกซึ่งเป็นเหมือนม่อนมีหน้าผาสามารถชมวิวตัวเมืองได้ 180 องศา เห็นในตัวเมืองและอำเภอติดกับตัวเมืองเชียงใหม่ ทั้งอำเภอดอยสะเก็ด อำเภอแม่ริม อำเภอสารภี อำเภอหางดง จะเห็นความสวยงามของแสงใกล้พลบค่ำแล้ว แสงไฟตามสถานที่ต่างๆ ค่อยๆ เปิดขึ้น ไฟส่องสว่างตามท้องถนนสายต่างๆ มีวิวของดอยที่ล้อมรอบตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นแอ่งกระทะ จากชมวิวตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมกับการทำบุญกราบไหว้ขอพรพระเจดีย์ และสิ่งศักดิ์บนวัดพระธาตุดอยสุเทพแห่งนี้ ได้ชมความสวยงาม อากาศไม่ร้อน อากาศเย็นสบายถึงหนาวในช่วงนี้ ซึ่งเวลา 20.30 น. ซึ่งทางวัดจะปิดการเข้ากราบไหว้องค์พระเจดีย์ วิหารต่างๆ และปิดการใช้ลิฟต์ แต่รอบด้านล่างองค์พระเจดีย์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่จะใช้การเดินขึ้นลงทางบันไดนาค นอกจากนี้ขณะยืนชมวิวเป็นช่วงที่มีเครื่องบินขึ้น-ลง ก็ได้ชมไปด้วย

 

ขณะเดียวกันจากการชมวิวแล้ว อีกความงดงามของแสงไฟที่สาดส่องไปยังตัวองค์พระเจดีย์ ที่หุ้มด้วยแผ่นทองสะท้อนแสงงดงามเป็นอย่างมากในยามค่ำคืน หากจะมองใกล้ หรือจะมองใกล้จากตัวเมือง หรือตามจุดต่างๆ หรือบนตึกสูงในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่สามารถมองเห็นตัววัดพระธาตุดอยสุเทพ ในยามค่ำคืน ตัดกับความมืดของตัวดอย อีกหนึ่งความสวยงามในยามใกล้ค่ำและยามค่ำคืน ของการท่องเที่ยวชมเมืองเชียงใหม่

ขนส่งเชียงใหม่ สาขาอำเภอแม่แตงเสริมสร้างวินัยจราจร ให้กับนักเรียนนายสิบตำรวจจำนวน 100 นาย

ขนส่งเชียงใหม่ สาขาอำเภอแม่แตงเสริมสร้างวินัยจราจร ให้กับนักเรียนนายสิบตำรวจจำนวน 100 นาย

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ สาขาอำเภอแม่แตง และกองกำกับการ 5 กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายนเรศวรมหาราช อำเภอแม่แตง เชียงใหม่ บูรณาการร่วมกันจัดอบรมให้ความรู้เสริมสร้างวินัยจราจร ให้กับนักเรียนนายสิบตำรวจ ที่จะจบหลักสูตรในปีนี้ จำนวน 100 นาย ณ ห้องเรียนอาคารกองร้อยที่ 4 กองกำกับการ 5 กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายนเรศวรมหาราช อำเภอแม่แตง เชียงใหม่

โดยมีวิทยากรจากภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ได้แก่ สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ สถานีตำรวจภูธรแม่แตง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าเชียงใหม่ ร่วมบรรยายและสาธิตเทคนิคการขับขี่อย่างปลอดภัยให้กับนักเรียนนายสิบตำรวจเพื่อขยายการรับรู้นำไปสู่สังคมหลังจากจบหลักสูตร ต่อไป