ผู้เขียน: sirapress

หมดลอยกระทงแล้ว ยามรุ่งอรุณ ก่อนฟ้าสางไปชมแสงแรก ณ จุดยอดฮิตจุดเช็คอิน กิ่วแม่ปาน เช้านี้อุณหภูมิต่ำสุด 10 องศาเซลเซียส วันนี้แสงแรกสาดส่องสีทองสวยงาม ท้องฟ้าปิด มีทะเลหมอกและไอหมอกลอยมาปะทะใบหน้า เรียกว่าได้สปาหน้าแบบธรรมชาติ ทำให้หน้าใสหน้าเด้งๆ กันเลยทีเดียว ส่วนยอดดอยอินทนนท์ วัดได้ 11 องศาเซลเซียส และที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กม. 31 วัดได้ 15 องศาเซลเซียส

สถิตินักท่องเที่ยวสะสมจากเมื่อวานนี้ 16 พฤศจิกายน 2567 นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 2,753 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 1,914 คน ยอดรวมจำนวน 4,667 คน ยานพาหนะ 1,025 คัน วันนี้อุณหภูมิยังไม่หนาวมากแต่ได้สัมผัสถึงไอเย็นอ่อนๆโชยมาต่อเนื่อง ในเมืองเชียงใหม่ อยู่ที่ 22 -23 องศาเซลเซียส

มาแล้วนักท่องเที่ยวแอ่วยี่เป็งบรรยากาศเริ่มคึกคักการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่  ตั้งแต่ช่วงเช้าวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร การจราจรหนาแน่น ลาดจอดรถเต็ม เนื่องแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาถึงเข้าเที่ยวชม ขณะเดียวกัน กลุ่มงานจราจรตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประชาสัมพันธ์ เส้นทางเลี่ยงกรณีการปิดกั้นการจราจรขบวนแห่กระทงงานยี่เป็ง 67 จำนวน 4 เส้นทางหลีกเลี่ยงเส้นทางในการเดินทางไปยังจุดดังกล่าว

ส่วนบรรยากาศ การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น ก่อนประเพณียี่เป็งนักท่องเที่ยวได้เดินทางล่วงหน้าเข้ามา ทำให้ตามจุดแลนด์มาร์ค วัดดังๆ สำคัญ เนื่องแน่ไปด้วยนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมเช่นเดียวกับที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ราชวรวิหาร ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ลาดจอดรถ หนาวัด การจราจรหนาแน่นเต็มไปด้วยรถนำเที่ยวพากันหมุนเวียนมาส่งหน้าบันได เพื่อเดินขึ้นไปเที่ยวชมกราบไหว้องค์พระธาตุ ชมโบราณสถาน โบราณวัตถุต่างๆ แบบล้านนา กราบไหว้ขอพรต่อสิ่งศักดิ์ภายในวัด ยืนชมวิวตัวเมืองเชียงใหม่ได้ 180 องศา ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ที่จำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ร้านค้า ร้านอาหารได้รับอนิสงส์ ค้าขายดีคึกคักเป็นอย่างมาก มีการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว คาดว่าในช่วงจากนี้ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ต่อยาวไปจนถึงสัปดาห์หน้าการท่องเที่ยวยังคงคึกคักต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน กลุ่มงานจราจรตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประชาสัมพันธ์ เส้นทางเลี่ยงกรณีการปิดกั้นการจราจรขบวนแห่กระทงงานยี่เป็ง 67 แจ้งเพื่อเป็นข้อมูลให้กับพี่น้องประชาชนได้รับทราบเกี่ยวกับเส้นทางเลี่ยงในกรณีที่มีการปิดกั้นการจราจรขบวนแห่สะเปาล้านนาและกระทงใหญ่ในวันที่ 15 – 16 พ.ค. 2567 โดยในเบื้องต้นกลุ่มงานจราจรได้ประชาสัมพันธ์เส้นทางขบวนแห่ให้กับพี่น้องประชาชนได้รับทราบแล้ว แต่เส้นทางเลี่ยงต่าง ๆ ก็มีความสำคัญต่อการใช้เส้นทางเลยสรุปภาพรวมมาให้ ดังนี้
1. เส้นสีแดง : รถที่มาจากแจ่งศรีภูมิคูเมืองด้านนอก จะถูกปัดให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนช้างม่อย –> เลี้ยวซ้ายบริเวณซุ้มประตูจีนไปทางถนนราชวงศ์ — >ตรงผ่านแยกราชวงศ์ไปทางแยกเมืองสมุทร — > ตรงผ่านแยกธารทองไปทางแยกวัดป่าแพ่งโดยใช้เส้นทางถนนรัตนโกสินทร์
2. เส้นสีชมพู : รถที่มาจากถนนเจริญเมืองเมื่อมาถึงสะพานนวรัฐตะวันออกจะถูกปัดซ้ายขวาไปทางสะพานนครพิงค์ตะวันออกและไปทางถนนเชียงใหม่ลำพูน ซึ่งกรณีที่ไปทางสะพานนวรัฐตะวันออกจะจัดการเดินรถทางเดียวไปทางสะพานนครพิงค์ตะวันออก — > ตรงผ่านสะพานนครพิงค์ตะวันออกหรือเลี้ยวขวาไปทางแยกปรินส์ถนนแก้วนวรัฐเพื่อมุ่งหน้าไปทางแยกศาลเด็ก
3. เส้นสีเขียว : รถที่มาจากถนนเจริญประเทศผ่านโรงแรมอนันตราจะถูกปัดให้เลี้ยวขวาผ่านขัวเหล็ก — > เลี้ยวขวาไปทางริมปิง เพื่อไปออกทางถนนท่าสะต๋อย — > ผ่านไปทางตลาดทองคำเพื่อตรงไปออกจุดที่เชื่อมถนนเลียบรางรถไฟ
4. เส้นสีฟ้า : รถที่มาจากแยกหนองหอยจะตรงผ่านแยกขนส่งหนองหอย — > รถจะถูกปัดให้เลี้ยวขวาบริเวณสามแยกวัดเมืองกายเพื่อไปออกทางวัดเมืองกาย — > และตรงผ่านถนนราษฎร์อุทิศไปยังถนนเลียบรางรถไฟ
จึงแจ้งเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการวางแผนกการเดินทางและใช้เส้นทางในช่วงที่มีขบวนแห่งานกระทงยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2567 ขออภัยในความไม่สะดวกหากท่านติดขัดปัญหาในการใช้ทางสามารถโทรแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 053 – 235595

ลุ้นปีนี้เหมยขาบเกิดขึ้นวันไหน สถิติเกิดเหมยขาบตั้งแต่ปี 64 ถึง 67 พบเกิดเดือนพฤศจิกายน ปี 64-65 เกิด 32 ครั้ง แต่ปี 65-66 ลากยาวเกิดถึงเดือนมีนาคม ดอยอินทนนท์ นทท.หนาแน่นรอชมแสงแรกสัมผัสอากาศหนาว ยอดดอย 9 องศา

นายเกรียงไกร ไชยพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เผยถึงสถิติการเกิดปรากฎการณ์ น้ำค้างแข็ง หรือเหมยขาบ ย้อนไปของปี 2564 -2565 เกิดขึ้นจำนวน 32 ครั้ง เกิดวันแรก 21 พฤศจิกายน 2564 และครั้งสุดท้ายวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ส่วนสถิติการเกิดปรากฎการณ์ น้ำค้างแข็ง หรือเหมยขาบ ปี2565 – 2566 เกิดขึ้นจำนวน 26 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 และครั้งสุดท้ายวันที่ 1 มีนาคม 2566 และ ส่วนสถิติการเกิดปรากฎการณ์ น้ำค้างแข็ง หรือเหมยขาบ2566- 2567 เกิดขึ้นจำนวน 21 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และครั้งสุดท้ายวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 มาในปีนี้ต้องมาลุ้นกันว่าจะเกิดในเดือนพฤศจิกายน วันที่เท่าไร ต้องรอมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน กำลังแรงแผ่ปกคลุม สภาพท้องฟ้าอากาศสงบนิ่ง ที่ก่อให้เกิดปรากฎการณ์น้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบ ตามภาษาเหนือ

ส่วนเช้าวันนี้อุหภุมิได้อุ่นขึ้นเล้กน้อยมวลอากาศเย็นเริ่มอ่อนแรงลง ยอดดอยอินทนนท์ ยังต่ำสุดอุณหภูมิวัดได้ 9 องศาเซลเซียส ส่วนจุดชมแสงแรกยอดฮิต เช็คอินยามเช้าตรู่กิ่วแม่ปาน อุณหภูมิวัดได้ 11 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวหนาตาเพิ่มมากขึ้น และที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุณหภุมิวัดได้ 15 องศาเซลเซียส สถิตินักท่องเที่ยวสะสมจากเมื่อวานนี้ 14 พฤศจิกายน 2567 นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 1,435 คน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 1,763 คน ยอดรวมจำนวน 3,198 คน ยานพาหนะจำนวน 856 คัน พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 1 พันคน

เมื่อวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วมการประชุมระหว่างสมัยของการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotic Drugs : CND) สมัยที่ 67 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติเวียนนา กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมในรูปแบบการประชุมทางไกล

การประชุมระหว่างสมัยฯ มีนายฟิลเบิร์ต จอห์นสัน (H.E. Philbert Johnson) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรกานา ประจำองค์การสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา เป็นประธานการประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนความคืบหน้าในการจัดการกับประเด็นความท้าทายตามที่ระบุไว้ในปฏิญญารัฐมนตรี ปี ค.ศ. 2019 (2019 Ministerial Declaration) และประเด็นอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากความท้าทายดังกล่าว

ในวันแรกของการประชุม เริ่มต้นด้วยการอภิปรายในประเด็นความท้าทาย เรื่อง ประเภทและตลาดยาเสพติดที่ขยายตัว โดยนายอภิกิตฯ ร่วมอภิปรายในฐานะผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้เน้นย้ำปัญหา
ยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก และได้เรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกสนับสนุนและเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำเพื่อไม่ให้แพร่ระบาดไปสู่ประเทศต่าง ๆ ทั้งในภูมิภาคและนอกภูมิภาค ตามแนวนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม

โดยเน้นย้ำสถานการณ์ในปี 2566 ที่มีการยึดเมทแอมเฟตามีน ทั้งยาบ้าและไอซ์ มากถึง 169 ตัน ในภูมิภาคเอเชียตะวันเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ในขณะที่ราคาลดลงและความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น รวมถึงสถานการณ์ในประเทศไทยในห้วงระหว่างเดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 สามารถยึดยาไอซ์มากถึง 9 ตัน ยาบ้า 865 ล้านเม็ด อีกทั้งยังพบการนำสารที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมตามอนุสัญญาควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (non-controlled chemical) มาใช้ในการลักลอบผลิตยาเสพติดสังเคราะห์มากขึ้นด้วย

สำหรับประเทศไทย รัฐบาลได้เปิดปฏิบัติการเร่งด่วนลดความปัญรุนแรงของปัญหายาเสพติดหรือ Quick Win ทั้งด้านการแก้ไขปัญหาจิตเวช และสกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดชายแดน โดยในการแก้ไขปัญหาจิตเวช สามารถนำผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดได้มากกว่า 30,000 ราย และในการสกัดกั้นชายแดน ได้จัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) และหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดยภาคเหนือ (นบ.ยส. 35) สกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดในบริเวณชายแดนภาคเหนือ ทำให้สามารถสกัดกั้นการลักลอบยาเสพติดได้มากขึ้น ในตอนท้ายได้กล่าวย้ำโดยเรียกร้องให้ประชาคมโลกเข้ามาช่วยสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างเพิ่มมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ การประชุมระหว่างสมัย ครั้งที่ 3 ของการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (CND) สมัยที่ 67 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันอังคารที่ 12 – วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย และผ่านระบบการประชุมทางไกล

ยี่เป็งแอ่วงาน HOLY MARKET กาดต้าน้ำชุมชนตำบลสันปูเลย กระตุ้นการท่องเที่ยวท้องถิ่น ส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชน จัดระหว่างในวันที่ 14-16 พ.ย. 2567 และงานยี่เป็ง สันปูเลย ในวันที่ 15 พ.ย. 2567 เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและส่งเสริมการท่องเที่ยว ตำบลสันปูเลย ณ ท่าน้ำบ้านยางพระธาตุ เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

เมื่อเย็นวันที่ 11 พ.ย. 67 เวลา 17.00 น. ที่ท่าน้ำบ้านยางพระธาตุ ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายสาธิต คำหน่อแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลย พร้อมด้วย นายจิรพงศ์ เวฬุสาโรจน์ ปลัดเทศบาลตำบลสันปูเลย ผู้ใหญ่บ้านบ้านยางพระธาตุ และนายวสันต์ อินวงค์ ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน Holy Market กาดต้าน้ำชุมชนตำบลสันปูเลย และประเพณียี่เป็ง สันปูเลย โดยมีประชาชน และสื่อมวลชน ร่วมกิจกรรม

เนื่องจากตำบลสันปูเลยเป็นหนึ่งในตำบลในเขตพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชุมชน ชนบทที่อยู่ใกล้เมืองที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีแบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยเฉพาะการวิถีทางการเกษตร และงานศิลปหัตถกรรม และมีภูมิประเทศและภูมิทัศน์ในแบบชนบทที่ผู้คนอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติโดยเฉพาะ ลำน้ำแม่กวงที่ไหลผ่านตำบลสันปูเลย เป็นลำน้ำสาขาที่หล่อเลี้ยงชาวตำบลสันปูเลยมาตั้งแต่อดีตชาวตำบล สันปูเลยจึงมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับลำน้ำแม่กวงก่อให้เกิดประเพณีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลำน้ำ

เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆ พัฒนาต่อยอดให้เกิดแหล่ง ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่เกี่ยวข้อง กับลำน้ำกวง ดังนั้น เทศบาลตำบลสันปูเลย จึงได้จัดทำ “โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและส่งเสริมการ ท่องเที่ยวตำบลสันปูเลย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมุ่งหวังให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์ แหล่งท่องเที่ยวตำบลสันปูเลย ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้กับชุมชน ก่อเกิดสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนใน พื้นที่อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ภายในงานมีร้านค้าจากชุมชน และกิจกรรมการแสดงมากมาย อาทิ เช่น การแสดงล้านนา,การแสดง mini light and sound, ดนตรีโฟล์คซอง และการแสดงของวงดนตรีรับเชิญ วงสดชื่น การเดินทางเทศบาลตำบลสันปูเลยได้มีรถรางให้บริการ รับ-ส่ง โดยจุดขึ้นรถราง คือ เทศบาลตำบลสันปูเลย

เชียงใหม่ เรียกว่าหัวกระไดไม่แห้งจุดแลนด์มาร์คกลางเมือง ข่วงประท่าแพไม่ว่างนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติถ่ายภาพเช็คอิน บรรยากาศท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่เริ่มคึกคักนักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดเดินทางมาเช็คอินข่วงประตูท่าแพ ถ่ายภาพชุดไทย จัดคาราวานนั่งตุ๊กตุ๊กเข้ามาถ่าย ขณะเดียวกันพบว่านักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจากหนังสือเดินทางไทยไปท่องเที่ยว โดยไม่ต้องขอวีซ่าเขามาพักได้ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลให้ใกล้ช่วงประเพณียี่เป็ง 2567 นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาก่อนรอร่วมกิจกรรมประเพณี

ดังสำนวนที่ว่า หัวกระไดไม่แห้ง เป็นสำนวน มีความหมายว่า มีแขกมาเยี่ยมอยู่เสมอ ๆ ณ ข่วงประตูท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่แล้วจะต้องมาเช็คอิน ถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ เซลฟี่ ไลฟ์สด สร้างคอนเทนต์กัน พร้อมกับฝูงนกพิราบ ที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ ตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าหมุนเวียนเข้ามา ก่อนจะเดินทางไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป ซึ่งจะเห็นการเดินทางเข้ามาแบบครอบครัว คู่รัก กลุ่มเพื่อน กรุ๊ปทัวร์ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และใหญ่ที่นั่งรถทัวร์นำเที่ยวเข้ามาจอด มีการเช่าชุดไทยทั้งชายและหญิงให้ช่างภาพได้ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก็มีบางกรุ๊ป จัดคาราวานรถตุ๊กตุ๊ก นั่งเข้ามาจอดบนข่วงประตูท่าแพ แล้วเดินทางไปถ่ายภาพ บรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ก็เริ่มกลับมาคึกคัก หลังผ่านสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ถึง 2 ครั้ง

ขณะเดียวกันพบว่านักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจากหนังสือเดินทางไทยไปท่องเที่ยว โดยไม่ต้องขอวีซ่าเขามาพักได้ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลให้ใกล้ช่วงประเพณียี่เป็ง 2567 “มนต์สเน่ห์แม่ระมิงค์ แสงศิลป์ ถิ่นวัฒนธรรม ” 14 – 17 พฤศจิกายนนี้ ของจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาก่อนใช้เวลาเดินทางพักไปตามแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรอร่วมประเพณี

นทท.กว่า 5 พันแห่สัมผัสหนาวเช้านี้ยอดออยอินทนนท์ 8 องศาเลขตัวเดียวครั้งแรกหลังประกาศเข้าฤดูหนาว เดือนตุลาคม ต่ำสุด 9 องศาถึง 3 ครั้ง จุดเช็คอินกิวแม่ปาน เช้านี้ท้องฟ้าเปิด ทะเลหมอกจุใจพร้อมแสงแรกยอดดอยสูงที่สุด เสื้อกันหนาวไม่พอเสริมผ้าห่มซับไอหนาว ขณะที่น้ำค้างเกาะยอดหญ้าแวววาวงดงามสะท้องแสงแดด

เช้าวันนี้ยอดดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ 8 องศาเซลเซียส หลังจากประกาศเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ส่วนจุดเช็คอิน ณ กิ่วแม่ปาน หนาแน่ไปด้วยนักท่องเที่ยวเพื่อชมแสงแรก อุณหภูมิวัดได้ 10 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าเปิด แสงแรกสีทองสาดส่องสะท้อนทะเลหมอกที่จัดเต็มจุใจให้กับนักท่องเที่ยวรอชมได้ถ่ายภาพ เซลฟี่ ชมกับที่รอคอย ชณะที่บางคนขอชมแสงแรกยืนบนหลังคารถถ่ายภาพ สักครั้งที่ได้มา บางรายอากาศหนาวเสื้อกันหนาวที่เตรียมมาไม่พอต้องนำผ้าห่มมาช่วยซับไอหนาว และที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กม. 31 อุณหภูมิวัดได้ 13 องศาเซลเซียส ก็ลดลงมาต่อเนื่องคาดมีมวลอากาศเย็นมาเสริมอีกสักวันสองวันนี้อาจจะได้เห็นเลขตัวเดียวทั้งดอย ความสวยงามของน้ำค้างเกาะยอดหญ้า แสงแดดสะท้องแวววาวกำลังงดงาม หากอุณหภูมินิ่งลดลงไปต่ำจะกลายเป็นปรากฎการณ์น้ำค้างแขง หรือเหมายขาบ สถิตินักท่องเที่ยวสะสมจากเมื่อวานนี้ 9 พฤศจิกายน 2567 นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 3,321 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 1,723 คน ยอดรวมจำนวน 5,044 คน ยานพาหนะจำนวน 1,362 คัน

มาดูสถิติอุณหภูมิต่ำสุด ดอยอินทนนท์ ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ปีนี้ของเดือนตุลาค 2567 ที่ผ่านมา มีอุณหภูมิเลขตัวเดียวถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 12 ตุลาคม 2567 ต่ำสุด 9 องศาเซลเซียส ครั้งที่ 2 วันที่ 25 ตุลาคม 2567 อุณหภูมิวัดได้ 9 องศาเซลเซียส และครั้งที่ 2 วันที่ 31 ตุลาคม 2567 วัดได้ 9 องศาเซลเซียส

 

ผอ.เขื่อนแม่งัด เผยสถิติ 6 ครั้ง ตั้งแต่ ปี 2532-ปัจจุบันมีน้ำกักเก็บสูงเกิดระดับ ซึ่งปีนี้ มีน้ำมากสุดในรอบ 13 ปี ล่าสุด 284 ล.ลบ.ม. คิดเป็น 107.23 % แผนส่งน้ำให้กับการปลูกพืชฤดูแล้งปี 67/68 ประมาณ 70,000,000 ลูกบาศก์เมตร โดยเริ่มส่งประมาณกลางเดือนธันวาคม 67 พื้นที่สองฝั่งลำน้ำปิงในเขตจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนประมาณ 180,000 ไร่ วางแผนการใช้น้ำประมาณ 75,000,000 ลูกบาศก์เมตรโดยเริ่มส่งประมาณต้นเดือนมกราคม 68

นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เผยว่าในปีนี้ขื่อนแม่งัดมีปริมาณน้ำมาก ความจุของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล 265 ล้านลูกบาศก์เมตร ล่าสุดวันนี้มปริมาณน้ำจำนวน 284.149 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 107.23 มีน้ำใช้การได้ 271.964 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบัน มีน้ำมากสุดในรอบ 13 ปี การระบายน้ำจะระบายน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าส่งให้กับอำเภอแม่แตงและอำเภอเชียงดาวบางส่วน อัตรา 12 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกฤดูฝน 67 ของเขื่อนจำนวน 30,000 ไร่ถึงสิ้นเดือน พฤศจิกายน รวมประมาณ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร แผนส่งน้ำให้กับการปลูกพืชฤดูแล้งปี 67/68 ในพื้นที่ ประมาณ 70,000,000 ลูกบาศก์เมตร โดยเริ่มส่งประมาณกลางเดือนธันวาคม 67 และส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่สองฝั่งลำน้ำปิงในเขตจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนประมาณ 180,000 ไร่ วางแผนการใช้น้ำประมาณ 75,000,000 ลูกบาศก์เมตรโดยเริ่มส่งประมาณต้นเดือนมกราคม 68

จากสถิติข้อมูลปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ตั้งแต่ ปี 2532-ปัจจุบัน เขื่อนแม่งัด สมบูรณ์ชล มีระดับเก็บกักน้ำสูงสุดเกินกว่าระดับเก็บกักปกติ (100%) มาแล้ว จำนวน 5 ครั้ง ในช่วงเวลาต่าง ๆ ดังนี้ครั้งที่ 1 .เมื่อปี 2537 ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน สะสมทั้งปี เท่ากับ 612.16 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสูงสุด (1 วัน) เท่ากับ 15.532 ล้านลูกบาศก์เมตร (วันที่ 1 กันยายน 2567 ) ปริมาณน้ำเก็บกักสูงสุด เท่ากับ 294.300 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 111.06

ครั้งที่ 2 .เมื่อปี 2548 ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน สะสมทั้งปี เท่ากับ 620.27 ล้านลูกบาศก์เมตรปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสูงสุด (1 วัน) เท่ากับ 44.844 ล้านลูกบาศก์เมตร (วันที่ 28 กันยายน 2548) ปริมาณน้ำเก็บกักสูงสุด เท่ากับ 309.060 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 116.63

ครั้งที่ 3.เมื่อปี 2554 ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสมทั้งปี เท่ากับ 489.58 ล้านลูกบาศก์เมตรปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสูงสุด (1 วัน) 20.451 ล้านลูกบาศก์เมตร (วันที่ 28 กันยายน 2554) ปริมาณน้ำเก็บกักสูงสุด เท่ากับ 285.646 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 107.79
ครั้งที่ 4 .เมื่อปี 2565 ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสมทั้งปี เท่ากับ 389.420 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสูงสุด (1 วัน) เท่ากับ 8.785 ล้านลูกบาศก์เมตร (วันที่ 13 กันยายน 2565)ปริมาณน้ำเก็บกักสูงสุด เท่ากับ 279.826 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 105.590

ครั้งที่ 5 .เมื่อปี 2566 ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสมทั้งปี เท่ากับ 244.40 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าเชื่อนสูงสุด (1 วัน) เท่ากับ 5.429๙ ล้านลูกบาศก์เมตร (วันที่ 12 กันยายน 2566) ปริมาณน้ำเก็บกักสูงสุด เท่ากับ 285.479 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 107.73

ครั้งที่ 6 . ณ ปัจจุบัน ปี 2567 ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสม (1 ม.ค.- 31 ต.ค.67) เท่ากับ 335.78 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสูงสุด (1 วัน) เท่ากับ 22.298 ล้านลูกบาศก์เมตร (วันที่ 24 กันยายน 2567) ปริมาณน้ำเก็บกักสูงสุด เท่ากับ 301.280 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 113.69