กห. ขานรับนโยบายรัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติด ป้องกัน สกัดกั้น ฟื้นฟู ร่วมโครงการธวัชบุรีโมเดล

กห. ขานรับนโยบายรัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติด ป้องกัน สกัดกั้น ฟื้นฟู ร่วมโครงการธวัชบุรีโมเดล จ.ร้อยเอ็ด บำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดนำร่องเพื่อใช้ทั่วประเทศ

พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อ (1 พ.ย.67) ณ วัดบ้านเขวาทุ่ง ตำบลเขวาทุ่ง อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 1 ใน 25 จังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องจังหวัดสีขาวทั่วประเทศ

โดยรัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ และขอให้ทุกภาคส่วนมุ่งมั่นดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป พร้อมยกระดับให้เข้มข้นขึ้น ขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ตามภูมิภาค โดยมีจังหวัดนำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ : เชียงใหม่ ภาคกลาง : อุทัยธานี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : สกลนคร นครพนม ภาคตะวันออก : ระยอง ภาคใต้ : นครศรีธรรมราช ตรัง นราธิวาส โดยต้องเป็นพิ้นที่ปลอดยาเสพติด หรือ ปัญหายาเสพติดลดลงกว่าร้อยละ90 ซึ่งการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดไปทุกหน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกันทั้งในการป้องกัน สกัดกั้น และฟื้นฟู รวมถึงต้องมีการพัฒนาเชื่อมระบบข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบนโยบายจึงได้สั่งการให้เหล่าทัพใช้เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ และทรัพยากรที่มีในการป้องปราม ป้องกัน สกัดกั้นยาเสพติดแนวพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ตอนในของประเทศ การกวดขันกวาดล้าง ตัดวงจรการค้ายาเสพติด รวมถึงการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีและสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน ตลอดจนการเตรียมสถานพยาบาลในสังกัดของเหล่าทัพในการฟื้นฟู รักษาบำบัดผู้ติดยาเสพติด ทั้งนี้ นรม. ได้มอบหมายให้ รอง นรม./รมว.กห. ร่วมบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มสถานพยาบาลจัดทำโมเดลบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โครงการธวัชบุรีโมเดล เป็นพื้นที่นำร่องในการบำบัด ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอย่างครบวงจร ครอบคลุมถึงสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่แข็งแรง รวมถึงการจัดอบรมพัฒนาทักษะสร้างอาชีพเพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดได้มีทักษะ ความรู้ สามารถประกอบอาชีพ เลี้ยงชีพและอยู่ร่วมในสังคมได้

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหม ได้ดำเนินการในการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งด้านการป้องกันและปราบปราม การสกัดกั้น ความร่วมมือระหว่างประเทศ ตลอดจนการบำบัดรักษามาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมในการบูรณาการร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มงวด จริงจังตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อให้ยาเสพติดหมดไปจากประเทศไทย

 

พร้อมแล้วปีนี้ เทศกาลโคมล้านนาปู่จาผางประทีป ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีเทศบาลตำบลเชิงดอย

พร้อมแล้วปีนี้ เทศกาลโคมล้านนาปู่จาผางประทีป ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี พิธีเปิดปล่อยโคมกว่า 2 พันดวง เทศบาลตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงานเทศกาลโคมล้านนา ปู่จาผางประทีปหนองบัวพระเจ้าหลวง (งานยี่เป็ง) ระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณหนองบัวพระเจ้าหลวง มีการแสดงโชว์ที่ยิ่งใหญ่อลังการแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในช่วงพิธีเปิด

นายมงคล ชัยวุฒิ นายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย กล่าวว่า ไฮไลท์สำคัญของงานประกอบด้วยการปล่อยโคมไฟขึ้นฟ้าพร้อมกันจำนวน 2,000 ดวงในพิธีเปิดงาน ซึ่งทางเทศบาลได้ดำเนินการขออนุญาตจากทางอำเภอดอยสะเก็ดแล้ว พร้อมดำเนินการจัดเก็บซากโคมที่ตกในเขตพื้นที่รับผิดชอบทุกวันตลอดช่วงการจัดงานมีการแสดงโชว์ที่ยิ่งใหญ่อลังการแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในช่วงพิธีเปิด และการประกวดเทพีจำแลงและเทพบุตรยี่เป็ง ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 50,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศและสายสะพาย โดยรางวัลชนะเลิศเทพีจำแลงรับเงินรางวัล 10,000 บาท และเทพบุตรยี่เป็งรับเงินรางวัล 8,000 บาท ซึ้งได้รับการสนับสนุนจากนางฟ้าใจดี คุณพิมพ์ลภัส ขัตติวงษ์ นายกก่อตั้งสโมสรไลออนส์เพชรเพชรบูรณ์ ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 โดยผู้เข้าประกวดเทพีจำแลงต้องมีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ส่วนเทพบุตรต้องมีอายุระหว่าง 16-26 ปีบริบูรณ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 098-697-2368


การจัดงานในครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ อำเภอดอยสะก็ด , วิทยาลัยเทคโนโลยีและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา , สภาวัฒนธรรมอำเภอดอยสะเก็ด , สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด เพื่อร่วมสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมล้านนาให้คงอยู่สืบไป

ว่าที่ร้อยตรี อภิพงค์ คงสัมพันธ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานในปีนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้สัมผัสบรรยากาศเดิมของหนองบัวก่อนการพัฒนาพื้นที่ โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงภูมิทัศน์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ ดังนั้นการจัดงานครั้งนี้เทศบาลตำบลเชิงดอย พร้อมทั้งผู้สนับสนุน และภาคีเครือข่ายจึงตั้งใจอย่างเต็มที่ในการจัดการแสดงที่ยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมกิจกรรมมากมายตลอด 4 วันเต็ม โดยพิธีเปิดงานจะมีขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน สนุกกับวงดนตรี “เดอะเพอะ” และการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งวันที่ 17 พฤศจิกายน พบกับวง “SL Music และประกวดยุวทูตวัฒนธรรมดอยสะเก็ด 18 พฤศจิกายน ส่งท้ายกับคณะรำวงซายูริ


ว่าที่ร้อยตรี อภิพงค์ คงสัมพันธ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย กล่าวเน้นย้ำว่า ปีนี้จะมีการเข้มงวดในส่วนของการห้ามเล่น และนำปทัด พลุ ดอกไม้ไฟ้เข้ามาในบริเวณการจัดงาน รวมถึงห้ามนำโคมลอยหรือโคมไฟเข้ามาในบริเวณงาน เพื่อเป็นการควบคุมมาตรฐานของโคม และปริมาณ ตามที่ได้ทำการขออนุญาตจากอำเภอดอยสะเก็ด ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อโคมไฟที่ได้มาตรฐานตามระเบียบข้อบังของจังหวัดเชียงใหม่ ได้ ณ จุดหน่ายในบริเวณงานเท่านั้น หรือติดต่อจองล่วงหน้าได้ผ่านช่องทางไลไอดี : gogoh3113

พิธีพุทธาภิเษกเหรียญพระเจ้าค่าคิง ครั้งแรก รุ่นพระญามังราย


วัดพระเจ้าเม็งราย ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ติดกับโรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ สร้างประวัติศาสตร์ สร้างเหรียญพระเจ้าค่าคิง รุ่นพระญามังราย เป็นครั้งแรกที่จัดสร้างขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชน ได้บูชาซึ่งมีจำนวนการจัดสร้างรุ่นกรรมการพิเศษทองคำลงยา เนื้อทองคำ เนื้อทองคำลงยาเขียว เนื้อทองคำลงยาแดง จำนวน 15 เหรียญ บูชา 499,999 บาท รุ่นเนื้อทองคำ 20 เหรียญบูชา 169,999 บาท ,เนื้อเงินจำนวน 288 เหรียญบูชา 2,999 บาท ,เนื้อนวะจำนวน 399 เหรียญบูชา 999 บาท ,เนื้อทองแดงซาตินจำนวน 3,999 เหรียญบูชา 299 บาท และรูปหล่อพระเจ้าค่าคิงหน้าตัก 9 นิ้ว จำนวน 50 องค์ บูชา 9,999 บาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดเพื่อการทำนุบำรุงศาสนาสถถานและพัฒนาสาธารณูปโภคให้เป็นประโยชน์แก่เหล่าพุทธยรษัทและเพื่อสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ตราบนานเท่านั้น


เหรียญพระเจ้าค่าคิง รุ่นแรกนี้ ได้รับเมตตาบารมีของครูบาอาจารย์ชื่อดังของภาคเหนือมาร่วมเจริฐจิตภาวนาในพิธีปลุกเสกเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของผู้ได้ถือครอง เมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มีพิธีพุทธา-เทวาภิเษก เวลา 09.09 น.ณ วัดพระเจ้าเม็งราย โดยมีพระเดชพระคุณพระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานสงฆ์ ซึ่งมีเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคเหนืออาทิ ครูบาน้อย เชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ , ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ,และครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมในพิธี

ประวัติ วัดพระเจ้าเม็งราย เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ วัดพระเจ้าเม็งราย เดิมชื่อว่า วัดคานคาด คงจะเพี้ยนมาจากคำว่า กาละก้อด หรืออาจมีความหมายว่า ไม้คานหามพระพุทธรูปมาคาด หรือกร่อนจาก จนเกือบจะนำมาใช้หามพระพุทธรูปต่อไปอีกไม่ได้ จึงตั้งว่า วัดคาดคอด[1] ยังมีอีกชื่อว่า วัดศรีสร้อยท้าเจ่ง เปลี่ยนชื่อมาเป็น “วัดพระเจ้าเม็งราย” ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สันนิษฐานว่าเป็นพระอารามหลวงแห่งที่สามที่พญามังรายทรงสร้างขึ้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่าตั้งวัดและได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 1839
วัดมีโบราณวัตถุที่สำคัญเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ มีชื่อเรียกว่า พระเจ้าค่าคิงพญามังราย สูงประมาณ 540 เซนติเมตร เป็นพระพุทธรูปยืนสมัยต้นเชียงใหม่เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญองค์หนึ่ง เรื่องราวของพระพุทธรูปองค์นี้ปรากฏในตำนานเมืองเชียงใหม่และในพงศาวดารโยนก ปูชนียวัตถุอื่น ๆ ได้แก่ พระพุทธรูปที่จำลองจากพระพุทธสิหิงค์ สร้างโดยศรีสัทธัมมะมหาสังฆราชเมื่อ พ.ศ. 2012 ประดิษฐานในวิหารใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง 86 เซนติเมตร และยังมีกลุ่มพระพุทธรูปปางมารวิชัยสำริดอีกหลายองค์ เป็นรูปแบบของพระพุทธรูปปางมารวิชัย ในต้นพุทธศตวรรษที่ 21 พระพุทธรูปปางลีลาสกุลช่างเชียงใหม่ สำริดปิดทองพุทธศตวรรษที่ 21–22 ประดิษฐานอยู่ในวิหารน้อย

สำหรับพุทธศาสนกชนที่สนใจ ติดต่อสอบถามพระคูใบฎีกากาจรินทร์ ธมฺมสโร 065-8956480 หรือFB; วัดพระจ้าเม็งราย สายธารบุญ 700 ปี

อากาศเริ่มเย็นเช้านี้ในเมืองเชียงใหม่มีเมฆฝนปกคลุมสั่งลาหน้าฝน อินทนนท์ไม่หนาวอย่างที่คิด

ส่วนเช้าวันนี้พอเริ่มสาย สภาพอากาศกลับแปรปรวนในตัวเมืองเชียงใหม่ กลับมีเมฆฝนเข้าปกคลุม อากาศปิดเริ่มมืดลงเรื่อยๆ เหมือนใกล้ช่วงค่ำ ทำให้ไฟฟ้าส่องสว่าง ตามถนน ตรอก ซอกซอยต่างๆ คงเปิดทำงาน อุณหภูมิกลับเย็นลงมีลมเย็นพัดเข้ามาเสริม ส่วนยอดดอยอินทนนท์ กลับไม่หนาวอย่างที่คิด อุ่นขึ้นเล็กน้อยสภาพอากาศปิดหมอกลงปกคลุม อุณหภูมิต่ำสุดยอดดอยอินทนนท์ วัดได้ 12 องศาเซลเซียส ส่วนจุดเช็คอินชมแรกกิ่วแม่ปานวัดได้ 14 องศาเซลเซียส และที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุณหภุมิวัดได้ 18 องศาเซลเซียส สถิตินักท่องเที่ยวสะสมจากเมื่อวานนี้ 1 พฤศจิกายน 2567 นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 1,117 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 856 คน ยอดรวมจำนวน 1,973 คน ยานหาหนะจำนวน 656 คัน

ขับเคลื่อนประเทศไทย มุ่งสู่ Net Zero 2065 จากคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

ศาสตราจารย์ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ครั้งที่ 9 “บทบาทคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย มุ่งสู่ Net Zero 2065”พร้อมทั้งมอบ นโยบายที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย จำนวนกว่า 150 คน จาก 45 แห่งทั่วประเทศเข้าร่วมงาน โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวต้อนรับ ทั้งนี้มี ดร.วรพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวรายงาน ณ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่

การประชุมสัมมนาฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเป็นการร่วมระดมความคิดของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศทุกกลุ่มสถาบันการศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยใน ทปอ. กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ กลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และกลุ่ม สสอท. มหาวิทยาลัยเอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทย สู่ Net Zero ผสานกลยุทธ์การวิจัย การเรียนการสอนและบริหารจัดการวิชาการเข้ากับแนวคิด Green University รวมถึงการปรับตัวสานกลยุทธ์ธุรกิจ สู่ Net Zero เพื่อรับมือกับข้อกำหนดทางการค้าและเงื่อนไขตลาดทุน ซึ่งมีทั้งการจัดนิทรรศการผลงานเด่นของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 20 ผลงาน การบรรยายพิเศษและการเสวนาจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ในประเด็นที่น่าสนใจวันแรกมีบรรยายพิเศษ เรื่อง“มหาวิทยาลัยแม่โจ้กับการขับเคลื่อนประเทศไทย สู่ Net Zero”, ผสานกลยุทธ์การวิจัย การเรียนการสอนและบริหารจัดการวิชาการเข้ากับแนวคิด Green University การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้

จากนั้นในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงานโครงการต่างๆ ของมหาวิทยาลัย ฟาร์มมหาวิทยาลัย โรงเรือนไส้เดือนดินกำจัดขยะอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การผลิตกัญชาอินทรีย์เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ และเกษตรอัจฉริยะ Smart Fishery ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ Green University ของมหาวิทยาลัย

สำหรับในวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2567 มีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “Climate Change วิกฤตของโลก และทางออกของเรา” ความรู้และงานวิจัยเกี่ยวกับวิกฤติโลกร้อน ความร่วมมือระหว่างประเทศ และนวัตกรรมที่จะนำพาโลกสู่สภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น และแนวทางที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยในการมุ่งสู่ Net Zero โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ (UNISERV) และหัวหน้าหน่วยวิจัยเพื่อการจัดการพลังงานและเศรษฐนิเวศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง “ทศวรรษแห่งการปรับตัว สานกลยุทธ์ธุรกิจสู่ Net Zero” กลยุทธ์ธุรกิจยุคใหม่เพื่อรับมือกับข้อกำหนดทางการค้า และเงื่อนไขตลาดทุนโลกและมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจในทศวรรษที่ผ่านมาและในอนาคต โดย นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รวมถึงการเสวนา เรื่อง “บทบาทของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยกับการพัฒนามหาวิทยาลัย” โดยผู้แทนคณะกรรมการส่งเสริมจากทุกกลุ่มสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมการประชุม สัมมนา

นอกจากนั้นได้เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงาน บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) บริษัท ปลูกผักเพระรักแม่ จำกัด (มหาชน) (โอ้กะจู๋) และ บริษัท กรีนไดมอนด์ จำกัด (บุญสมฟาร์มสาหร่ายเกลียวทอง) ซึ่งเป็นภาคีภาคธุรกิจที่มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ รวมถึงการศึกษาดูงานด้านศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ล้านนา และด้านหัตถกรรมและเศรษฐกิจท้องถิ่น

ด้าน ดร.วรพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวเพิ่มเติมว่า “คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยคือผู้เกี่ยวข้องในวงการธุรกิจและการศึกษา เราจะได้มีส่วนร่วมในการหารือและหาข้อแนะนำในการที่จะทำให้ประเทศเราสามารถบรรลุการเป็น Net Zero ในปี 2065 ได้” การประชุมสัมมนาคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ครั้งที่ 9 นอกจากเผยแพร่ภาพลักษณ์และสร้างชื่อเสียงที่ดีให้แก่มหาวิทยาลัย และจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ยังเป็นกิจกรรมการสร้างความสัมพันธ์และส่งเสริมเครือข่ายของมหาวิทยาลัยทุกภาคส่วนให้สามารถพัฒนาขีดความสามารถที่เกิดประโยชน์ต่อสังคม เศรษฐกิจและชุมชนในทุกมิติ

รวบสาวฟิลิปปินส์ หนีหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ซุกตัวเชียงใหม่

ตม.เชียงใหม่ ตามรวบสาวฟิลิปปินส์ หนีหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ซุกตัวเชียงใหม่

พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจเข้มพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสืบสวนติดตามจับกุมอาชญากรอย่างเต็มรูปแบบ ได้สั่งการให้ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และ พ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ หรือกระทำความผิดตามกฎหมายอื่นๆ

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ได้หลบหนีหมายจับมากบดานอยู่ในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ จึงได้สืบสวนหาข่าวเพิ่มเติม และวางแผนติดตาม จนพบตัว และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ในวันที่ 29 ตุลาคม 2567 จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 837/2567 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2567 หลังจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

เปิดหัวเทศกาลท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ งาน”กินเหนือ” เข้าฟรีชมฟรีทั้ง 6 วัน

เชียงใหม่ เปิดหัวเทศกาลท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ งาน”กินเหนือ” เข้าฟรีชมฟรีทั้ง 6 วัน ไม่มีค่าบัตรผ่านประตู สมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ และชมรมภัตตาคารและร้านอาหารจังหวัดเชียงใหม่ กับงานรวมความอร่อย บันเทิง และความสุขสนุกสนาน งาน เทศกาลอาหารและดนตรี Food Soft Power “กินเหนือ” ครั้งที่ 4 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 – 23 ตุลาคม 2567 ณ ลานกิจกรรมด้านหน้า เซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟสฯ) มีขบวนฟู๊ดทรัคสุดเก๋ การสาธิตการทำอาหารจากร้านอาหารมิชลิน สวนสนุกชุดใหญ่
สมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ และชมรมภัตตาคารและร้านอาหารจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดการแถลงข่าวงาน “กินเหนือ” เทศกาลอาหารและดนตรี Food Soft Power ครั้งที่ 4 ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 18 – 23 ตุลาคม 2567 มีนางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ พร้อมด้วย นาย สมชาย แพรุ่งโรจน์ทวี ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายกิจกรรมพิเศษ 1 บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง นายพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ และนายชวลิต ฉ่อนเจริญ ประธานการจัดงานการจัดงานกินเหนือ ครั้งที่ 4 เป็นการจัดโดยความร่วมมือระหว่างสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ และชมรมภัตตาคารและร้านอาหารจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Food Soft Power อาหารไทยฟันเฟืองใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดย นายชวลิต ฉ่อนเจริญ ประธานในการจัดงาน เผยว่า ตลอดทั้ง 6 วันของงาน ระหว่างวันที่ 18 – 23 ตุลาคม 2567 มีกิจกรรมให้สัมผัสกันมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความอร่อย” ที่ชวนลิ้มลองกับร้านอาหารชื่อดังในเชียงใหม่กว่า 100 ร้าน ทั้งอาหารคาว-หวาน ของทานเล่น และเครื่องดื่มเย็นๆ เข้าฟรีชมฟรีทั้ง 6 วัน ไม่มีค่าบัตรผ่านประตู ณ ลานกิจกรรมด้านหน้า เซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟสฯ)
 
ยังมีขบวนฟู๊ดทรัคสุดเก๋ การสาธิตการทำอาหารจากร้านอาหารมิชลิน สวนสนุกชุดใหญ่ การแจกส่วนลด 100 บาทจากแอปพลิเคชัน เป๋าตังค์เปย์ ธนาคารกรุงไทย และฟรีคอนเสิร์ตให้ได้สัมผัสกันอีกด้วย โดยฟรีคอนเสิร์ตจัดทัพศิลปินชื่อดังมาให้ชมฟรี มากมาย ไม่ว่าจะเป็น INDIGO (18 ต.ค.) โนเนม ( 19 ต.ค.) ปู พงษ์สิทธิ์ (20 ต.ค.) ลำไย ไหทองคำ (21 ต.ค.) อากาเป้ ( 22 ต.ค.) มาลีฮวนน่า (23 ต.ค.) และวงดนตรีจากสถานบันเทิงชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่
สนับสนุนโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , จังหวัดเชียงใหม่ , สวนสัตว์เชียงใหม่ , ผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ โดย บริษัทบุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด , บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน , บริษัท ชอยส์ มินิสโตร์ จำกัด , ธนาคารกรุงไทย จำกัด มหาชน , เครื่องครัวสแตนเลส ตราหัวม้าลาย , เป๊ปซี่ , M-150 ไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อย , คนอร์ จากบริษัท ยูนิลีเวอร์ จำกัด , ข้าวตราฉัตร , ผลิตภัณฑ์ แม็กกี้ โปรเฟสชั่นแนล โดยบริษัท เนสท์เล่ไทย จำกัด , เชียงใหม่เฟรชมิล์ค , โกโฮลเซลล์ เชียงใหม่ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่

ตม.เชียงใหม่ ลงพื้นที่แจกอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน ตลอดจนให้ความสำคัญในการร่วมบูรณาการกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.และ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัด ออกให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่

เมื่อวันที่ 26 – 27 กันยายน 2567 ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่, พ.ต.ท.หญิง ศิริกุล สว่างวโรรส รองผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และ พ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.เชียงใหม่ ลงพื้นที่ไปแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่ ต.ป่าแดด และ ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้แก่ประชาชน อีกทั้งยังได้ทำกระสอบทรายกั้นน้ำแจกจ่ายแก่ประชาชน นำไปทำแนวป้องกันน้ำท่วม เพื่อป้องกันน้ำในพื้นที่เสี่ยงอีกด้วย

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

 

ตม.เชียงใหม่ จับหนุ่มต่างชาติ ลบหนีหมายจับศาลแขวงภูเก็ตซุกตัวในเชียงใหม่นานกว่า 2 เดือน

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจเข้มพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสืบสวนติดตามจับกุมอาชญากรอย่างเต็มรูปแบบ
ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และ พ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือกระทำความผิดตามกฎหมายอื่นๆเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ได้สืบทราบว่ามีชาวต่างชาติซึ่งเป็นผู้ต้องหา ในคดี “หมิ่นประมาท” หลบหนีหมายจับศาลแขวงภูเก็ต มากบดานอยู่ในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ จึงได้สืบสวนหาข่าวและวางแผนติดตาม จนพบตัว และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวได้บริเวณ ถ.สนามบิน ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ หลังจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

ตม.เชียงใหม่ จับบุคคลไร้สัญชาติ ลักลอบขายแรงงานเป็นพนักงานเสิร์ฟได้ วันละ 400 บาท

      ตามนโยบายของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด  พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ    นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เข้มงวดในการป้องกันปราบปรามบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมให้ดำเนินการขยายผลจับกุมผู้นำพา ผู้ช่วยเหลือ และผู้ร่วมขบวนการจนถึงที่สุด
ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ    ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น วันที่ 17 ก.ย.67 เวลาประมาณ 22.00 น. พ.ต.ต.สุธีรเทพ โพธิ์นฤมิต สว.ตม.จว.เชียงใหม่ นำทีมชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.2 บก.ทท.2 และ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานประกอบการที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมบุคคลไร้สัญชาติ จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยคนต่างด้าวให้การรับสารภาพว่า ตนได้ลักลอบมาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านนี้ เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน วันละ 400 บาท ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด
ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755