เชียงใหม่ อมก๋อยไฟป่ายังหนักเช้านี้พบ 19 จุด ตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มจมฝุ่นM2.5 เกินมาตรฐาน

เชียงใหม่ อมก๋อยไฟป่ายังหนักเช้านี้พบ 19 จุด ตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มจมฝุ่นM2.5 เกินมาตรฐาน ส่วนจุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 5 มี.ค. 2568 ทั้งหมดจำนวน 672 จุด


ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับรายงานจุดความร้อน (Hotspot) จาก GISTDAประจำวันที่ 6 มีนาคม 2568 (รอบเช้า) ข้อมูลจาก suomi-NPP เวลา 01.49 น. จำนวน 37 จุด พบที่อำเภออมก๋อย 19 จุด ,อำเภอแม่แจ่ม 9 จุด,อำเภอดอยเต่า 5 จุด ,อำเภอเชียงดาว 2 จุด ,อำเภอสันทราย 1 จุดและอำเภอฮอด 1 จุด เพื่อพิจารณาตรวจสอบและดำเนินการ พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้ศูนย์อำนวยการฯ ทราบด้วยข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อ การวางแผน และการเข้าระงับเหตุในพื้นที่ ยังไม่สามารถอ้างอิงเป็นรายงานสุดท้ายได้ ส่วนจุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 5 มี.ค. 2568 ทั้งหมดจำนวน 672 จุด (ข้อมูลสรุปจาก NASA Firm )

จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านทาง เว็บไซด์ air4thai.com รายงานช่วงเวลา 10.00 น. ของวันนี้ จุดตรวจวัดคุณภาพอากาศจำนวน 6 จุด พบว่าจุดเกินค่ามาตรฐานจำนวน 5 จุด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 จะต้องไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พบ มากที่สุด 1.จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดได้ 52.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,2.จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดได้ 47.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,3.จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขา อำเภอฮอด ตำบลหางดง อำเภอฮอด วัดได้ 43.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,4.จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ สำนักงานเทศบาลตำบลเมืองนะ ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว วัดได้ 42.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,5. จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดได้ 42.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ6.จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูล แม่แจ่ม ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่มวัดได้ 33.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร


หมายเหตุแฟ้ม ฮ.ดับไฟป่าและเจ้าหน้าที่

เชียงใหม่ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน.ระดมอากาศยาน ทบ.ทอ.ทส.และฝนหลวงดับไฟในพื้นที่ภาคเหนือ

เชียงใหม่ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน.ระดมอากาศยาน ทบ.ทอ.ทส.และฝนหลวงดับไฟในพื้นที่ภาคเหนือ ใช้เครื่องบิน CASA ของกรมฝนหลวง เพื่อใช้ดัดแปรสภาพอากาศเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5) หลังเกิดจุดความร้อน 1,368 จุด สูงสุดที่ลำปาง จำนวน 350 จุด
วันที่ 6 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า หรือ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีชายแดน กฤษณสุวรรณ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าระดมอากาศยานจากทุกหน่วยเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ทั้ง เฮลิคอปเตอร์ MI-17 อากาศยาน BT-67 (กองทัพอากาศ) ฮ.ทส.จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั่งเครื่องบิน CASA ของกรมฝนหลวง เพื่อใช้ดัดแปรสภาพอากาศเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5)
ในส่วนของเฮลิคอปเตอร์ MI-17 ปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยเติมน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่อิไฮ อำเภอลี้ และอ่างเก็บน้ำบ้านป่าตึง อำเภอทุ่งหัวช้าง
ขณะที่ อากาศยาน BT-67 (กองทัพอากาศ)เขาดับไฟในพื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเกิดจุดความร้อนจำนวน 15 จุดกระจายอยู่บริเวณพื้นที่ป่านานอน ห้วยไม้หก ห้วยครั่ง ห้วยนา ห้วยหมาบ้า ท้องที่ตำบลม่อนจอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับอากาศยาน 2 ลำ H130 และ AS350 จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปฏิบัติภาระกิจดับไฟในพื้นที่รอยต่อของอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และจังหวัดตาก เนื่องจากเกิดไฟป่ามาหลายวัน ส่งผลให้พื้นที่ป่าเสียหายจำนวนมาก
นอกจากนี้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบนยังจัดเครื่องบิน CN ,CASA ช่วยดัดแปรสภาพอากาศเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5) จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแพร่ และจังหวัดพิษณุโลก
ทั้งนี้สถานการณ์จุดความร้อนล่าสุดเช้าวันนี้ตรวจพบจุดความร้อน ในพื้นที่ 17 จว.ภาคเหนือ จำนวน 1,368 จุด สูงสุดที่ จังหวัดลำปาง จำนวน 350 จุด รองลงมาคือ จังหวัดลำพูน จำนวน 185 จุด และ จังหวัดพะเยา จำนวน 161 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนฯ และเขต สปก. ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก เกินเกณฑ์มาตรฐาน แล้วจำนวน 15 จังหวัด และเริ่มส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

IQAIR จัดอันดับดัชนีคุณภาพอากาศ เชียงใหม่ขึ้น 5 ของโลกเมืองมีคุณภาพอากาศแย่ที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานช่วงเวลา 10.00 น. และตามเวลาแบบเรียวไทม์ 10.38 น. จากการข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของประเทศไทย ผ่านเว็บไซด์ iqair.com การจัดอันดับดัชนีคุณภาพอากาศ ของเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดของโลก US.AQI แบบเรียวไทม์ วัดได้ 158 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่อันดับ 5 ของโลก ซึ่ง มีมีผลกระทบต่อทุกคน


ส่วนการติดตามผ่านทาง เว็บไซด์ air4thai.com รายงานช่วงเวลา 10.00 น. ของวันนี้ จุดตรวจวัดคุณภาพอากาศจำนวน 6 จุด พบว่าจุดเกินค่ามาตรฐานจำนวน 6 จุด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 จะต้องไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พบ มากที่สุด 1.จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขา อำเภอฮอด ตำบลหางดง อำเภอฮอด วัดได้ 53.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,2 มี 2 จุดเท่านั้น จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดได้ 51.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดได้ 51.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,3.จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ สำนักงานเทศบาลตำบลเมืองนะ ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว วัดได้ 49.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,4.จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดได้ 39.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ5.จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูล แม่แจ่ม ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่มวัดได้ 37.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ผอ.ปปส.ภาค 5 เผยจีนเทา จากการข่าวพบว่ามีเข้าร่วมผลิตและเช่าที่ผลิตยาเสพติดขายให้เครือข่าย

นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 หรือ ปปส.ภาค 5 กล่าวว่าจากมิติของกลุ่มจีนเทาที่เข้ามา ร่วมผลิตยาเสพติด นั้นทางการข่าวจากเมียนมา ที่มีการปราบปรามจับกลุ่ม พบว่ากลุ่มจีนเทาได้ย้ายฐานการผลิตในประเทศตนเอง ออกมาร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ ใน 2 ลักษณะ โดยลักษณะแรกย้ายมาเช่าพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ อย่างทางตอนเหนือมีกำลังรบในขณะนี้ หลังจากเช่าแล้วจะนำบุคคล ทรัพยากรที่จะผลิตเข้ามาดำเนินการเอง จะมีกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ดูแลควมปลอดภัยให้ ส่วนลักษณะที่ 2 กลุ่มจีนเทาที่เข้ามาจะร่วมทุนในการผลิต ยาเสพติด ตามที่ทางการเมียนมาได้ทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดของกลุ่ม Kachin Defense Army หรือ KDA เข้ามาแล้วร่วมกลุ่มนี้แบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน จะชัดเจนตั้งปี 2562-2563 ซึ่งทางการเมียนมาได้ทำลายแหล่งผลิต นั้น

ในส่วนของประเทศทางการไทยพบว่ามีกลุ่มจีนเทาที่เข้าไปมีส่วนกับยาเสพติด มีจำนวนมากขึ้นจากระยะเวลาในห้วง 3-4 เดือนตั้งแต่ปลายปี 2567 ถึง ปัจจุบัน จะมีการจับยาไอซ์เพิ่มมากขึ้นสามารถจับได้ว่า 7 ตัน เริ่มมองให้เห็นแล้วว่าเครือข่ายที่จัดหายาไอซ์ คือกลุ่มจีนเทาอยู่ในคาสิโน ตามบ่อนการพนันต่างๆ โดยใช้ไทยเป็นทางผ่านออกไปยังปลายทางของกลุ่มคนจีนเดียวกัน ทั้งออสเตรเลีย เป็นเครือข่าย ซึ่งยาไอซ์ เห็นได้ชัดเจนว่ากลุ่มจีนเทาเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง อย่างช่วงเดือนกุมพันธ์ ล่าสุดจับกลุ่มจีนเทา พร้อมยึดทรัพย์ 118 ล้านไปแล้วนั้น จะเป็นเครือข่ายจีนเทา จากจีนในเมียนมา จัดส่งมาให้ ทางในไทยผ่านไปประเทศที่ 3 ต่อ ยาไอซ์เป็นตัวชี้ได้ว่าคนที่จะเข้ามาค้าเป็นกลุ่มจีนเทา มากขึ้น

หมายเหตุแฟ้มภาพ ตรวจยึดยาเสพติด

ตม.เชียงใหม่ จับหนุ่มเวียดนาม OVERSTAY 41 วัน

พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 28 ก.พ.68 พ.ต.ต.สุธีรเทพ โพธิ์นฤมิต สว.ตม.จว.เชียงใหม่ นำทีมชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ ต.สุเทพ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมคนต่างด้าว สัญชาติเวียดนาม จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (41 วัน)” จึงทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและรอดำเนินการผลักดันส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป

โดยคนต่างด้าวรายดังกล่าวให้การรับสารภาพว่าตนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.67 โดยการยกเว้นการตรวจลงตรา (ผ.60) ซึ่งเมื่อครบกำหนดอนุญาตแล้ว ไม่ได้มาดำเนินการยื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรตามระยะเวลาที่กำหนด พยายามหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวนตม.จว.เชียงใหม่ สืบสวนติดตามจับกุมได้ในที่สุด

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่

ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

 

ตม.เชียงใหม่ จับนายจ้างคนไทย และแรงงานต่างด้าว 2 รายลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตม.เชียงใหม่ จับนายจ้างคนไทย และแรงงานต่างด้าว 2 รายลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตม.จว.เชียงใหม่ อำนวยการของ พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 พ.ต.ต.สุธีรเทพ โพธิ์นฤมิต สว.ตม.จว.เชียงใหม่ นำทีมชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ ออกตรวจสอบสถานประกอบการในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จว.เชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งว่ามีคนต่างด้าวแอบมาทำงานโดยผิดกฎหมาย ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 2 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ทำงานไม่แจ้งให้นายทะเบียนทราบถึงผู้เป็นนายจ้าง สถานที่ทำงานของนายจ้าง และลักษณะงานที่ทำภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่เข้าทำงาน” และจับกุมนายจ้างสัญชาติไทย ในข้อหา “จ้างคนต่างด้าวทำงานไม่แจ้งให้นายทะเบียนทราบชื่อและสัญชาติของคนต่างด้าวและลักษณะงานที่ให้ทำภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่จ้าง”

ผู้ต้องหาชาวเมียนมาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพว่าตนได้มาทำงานเป็นแม่บ้าน ที่ร้านแห่งนี้ เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน โดยไม่ได้แจ้งเปลี่ยนนายจ้างและสถานที่ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด ด้านนายจ้างชาวไทยให้การรับสารภาพว่า ตนได้จ้างชาวเมียนมาทั้ง 2 ราย มาทำงานที่ร้านโดยยังไม่ได้แจ้งนายทะเบียนแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

 

เชียงใหม่ อันซีนเช็คอินพร้อมชมวิว 2 ฝั่งอำเภอแม่ริม และอำเภอเมืองเชียงใหม่ดอยหัว จุดสูงสุดดอยสุเทพ

เชียงใหม่ อันซีนเช็คอินพร้อมชมวิว 2 ฝั่งอำเภอแม่ริม และอำเภอเมืองเชียงใหม่ดอยหัว จุดสูงสุดดอยสุเทพ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,625 เมตร สามารถมองเห็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ดอยม่อนแจ่ม

ผู้สื่อข่าวพาไปอีกหนึ่งอันซีน ของการเดินทางขึ้นไปดอยสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ การชมวิวสามารถเช็คอินได้ 2 ฝั่งบนจุดสูงสุดของดอยสุเทพ-ปุย ดอยหัวหมูมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,625 เมตร ยืนฝั่งขวา เป็นเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ยืนฝั่งซ้าย เป็นอำเภอแม่ริม เส้นทางศึกษาธรรมชาติดอยสุเทพ-ดอยหัวหมู ระยะทางสั้น 300 เมตร ไปยังจุดชมวิว เป็นพื้นที่ป่าดิบชื้น ไปทางบ้านขุนช่างเคี่ยน ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนถึงจะมีป้ายบอกอยู่ทางด้านซ้ายมือขับรถเข้าไปอีก 2-300 เมตร มีจุดจอดรถ ซึ่งกำลังปรับปรุงพื้นที่ห้องน้ำให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจำนวน 2 จุด เมื่อจอดรถเดินเข้าไปจะเห็นต้นกุหลาบป่า ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปลูกเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2536 จะมีต้นกุหลาบป่าขึ้นจำนวนมาก ขณะนี้กำลังออกยอดสีแดง สวยงาม จะแปลกตาไปจากกุหลาบชนิดอื่น มีต้นพุ่มขึ้นสูง


เดินต่อไปอีก 10 เมตรจะสามารถมองเห็น พลับพลา A Royal Pavilion เมื่อปีพุทธศักราช 2512 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรชาวไทยภูเขาบนดอยสูงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทอดพระเนตรชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวเขาบ้านม้งดอยปุยและหมู่บ้านโดยรอบ โดยเสด็จพระราชดำเนินแบบ “ทรงเดินไป” และประทับพักบริเวณ พลับพลา ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินไป บ้านแม่สา บ้านแม่สาน้อย บ้านผานกกก บ้านม่วงคำ ตำบลโป่งแยง รูปถ่ายเมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฎรชาวไทยภูเขาทางภาคเหนือของประเทศไทยและเสด็จพระราชดำเนินไปยังหมู่บ้านม้งแม่สาใหม่ ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนับว่าเป็นหมู่บ้านชาวเขาแห่งแรกที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมถึงหมู่บ้าน แหล่งที่มา : httpsa//cheewajl.com/news/39/25html

เดินต่อลงไปจะเป็นพื้นที่ว่าง มีป้ายแนะนำของ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติยอดดอยปุย – ดอยหัวหมู มีภาษาไทย อังกฤษ และภาษาจีน ให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมระยะทางเดิน 300 เมตร ลงไปจุดชมวิว จะมีข้อห้าม ,โปรดงดสูบบุหรี No Smoking ,ห้ามทิ้งขยะ Do not litter ,งดนำอาหารเข้าไปรับประทาน Food is not allowedและโปรดกลับออกมาก่อนเวลา 17.00 น. เส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดดอยปุย – ดอยหัวหมู จะนำท่านเข้าไปสัมผัสกับจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย ระหว่างการเดินท่านจะได้ทำความรู้จักกับป่าดิบเขาในแง่มุมต่างๆ รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ในผืนป่าแห่งนี้ นอกจากนี้ยังจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามบนดอยหัวหมู ซึ่งสันดอยดังกล่าวนี้ยังเป็นเส้นแบ่งเขตการปกครอง ระหว่างอำเภอเมืองและอำเภอแม่ริมของจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเดินออกนอกเส้นทาง และไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยง หรือสัตว์อื่นเข้า

หมายเหตุ ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ปิดให้เข้าเที่ยวชม จะเปิดอีกครั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน

เชียงใหม่ ภาครัฐ-เอกชน ร่วมกิจกรรมทำแนวกันไฟจุดสูงสุด ยอดดอยสุเทพ-ปุย พร้อมภาคีเครือข่าย

 

เชียงใหม่ ภาครัฐ-เอกชน ร่วมกิจกรรมทำแนวกันไฟจุดสูงสุด ยอดดอยสุเทพ-ปุย พร้อมภาคีเครือข่าย สานพลังอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการไฟป่าฝุ่นละออง PM 2.5ตามหลักการ “PES”


ที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จ.เชียงใหม่ นายอโณทัย เวทยากร กรรมการมูลนิธิรักษ์ไทย ภาคเหนือ, นางสาวพักตร์พิมล โชคดีปรีชากุล ผู้อำนวยการสำนักเผยแพร่และส่งเสริมการมีส่วนร่วมฯ, นายดิเรก เครือจินลิ ผู้ประสานงานโครงการ มูลนิธิรักษ์ไทย ภาคเหนือ, นายธงชัย นาราษฎร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ผู้ใหญ่บ้านขุนช่างเคี่ยน ผู้นำชุมชน หน่วยงานภาคเอกชน สภาลมหายใจ เข้าร่วมกิจกรรมทำแนวกันไฟในครั้งนี้

กิจกรรมในครั้งนี้เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่าง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กับภาคีเครือข่ายเพื่อการปกป้องฟื้นฟู ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการไฟป่า ภายใต้กิจกรรม”การตอบแทนคุณระบบนิเวศ ตามหลักการ PES” ร่วมกับภารธุรกิจเอกชน โดยร่วมทำกิจกรรมทำแนวป้องกันไฟน้ำ กับชุมชุนบ้านขุนช่างเคี่ยน อช.ดอยสุเทพ-ปุย บ้านดอยปุย และร่วมส่งมอบวัสดุอุปกรณ์ เพื่อหนุนเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและจัดการไฟป้า ฝุ่นละออง PM 2.5 และนอกจากนี้ยังร่วมเปิดระบบกล้องวงจรปิดพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเฝ้าระวังติดตามไฟป่า มอบวัสดุอุปกรณ์การทำแนวกันไฟและดับไฟป้า และมอบกองทุนเพื่ออนุรักษ์ป่า เป็นต้น

ซึ่งกิจกรรม “การตอบแทนคุณระบบนิเวศ (PES)” เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการไฟป่า มีหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ 22 องค์กร ภาคประชาสังคมภาควิชาการและผู้แทนจากชุมชน 17 แห่ง รวมกว่า 90 คน เข้าร่วมกิจกรรม โดย สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ มูลนิธิรักษ์ไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้ร่วมกันจัดเวทีสัมมนา เพื่อสร้างการรับรู้และขยายเครือข่ายองค์กรการตอบแทนคุณระบบนิเวศ ซึ่งเป็นการสร้างกลไกให้ผู้ได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศ มีส่วนร่วมในการสนับสนุน การดูแลและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ผู้ปกป้อง ดูแล รักษาทรัพยากรธรรมชาติ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 ที่ผ่านมา และในวันนี้ทางคณะฯ ได้เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมทำแนวกันไฟ ในครั้งนี้

คณิตศาสตร์นานาชาติ Thailand International Mathematical Olympiad, TIMO

TIMO (Thailand International Mathematical Olympiad) รายการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานฮ่องกง จัดงานมอบรางวัลสุดอลังการ ผู้เข้าแข่งขันจาก 17 ประเทศทั่วโลก เป็นปีที่ 8


ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ “Olympiad Champion Education Center” แห่งฮ่องกง ร่วมกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ได้จัดงานการแข่งขันและงานมอบรางวัลให้กับผู้เข้าแข่งขัน คณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศรายการ “TIMO” หรือ Thailand International Mathematical Olympiad การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกที่ผสมผสานระหว่าง “การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์” เข้ากับ “คณิตศาสตร์” ด้วยการนำกลุ่มการศึกษาจากนานาชาติเดินทางเข้ามาสอบรอบไฟนอลทุก ๆ ปีในประเทศไทย โดยหมุนเวียนไปตามจังหวัดเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย เพื่อเผยแพร่จุดหมายปลายทางที่สวยงามของประเทศให้เป็นที่รู้จักในทั่วโลกมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น TIMO ยังเป็นรายการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกที่แรกและที่เดียวที่จัดให้มี “การจำลองการสอบ” ก่อนการสอบรอบสุดท้าย ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนคณิตศาสตร์โอลิมปิกด้วยวิธีความคิดอย่างชาญฉลาด พร้อมทั้งไขข้อสงสัยต่าง ๆ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องผู้สมัครได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการสอบรอบสุดท้าย ซึ่งแตกต่างจากการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกอื่น ๆ นั่นเอง
มีผู้เข้าร่วมงานสอบจาก 17 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บัลแกเรีย บราซิล ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา เวียดนาม คัมโบเดีย สิงคโปร์ แคนาดา นิวซีแลนด์ ซาอุดิอารเบียและประเทศไทย ซึ่งทั้งนักเรียนและผู้ปกครองจากประเทศทั่วโลก นอกจากจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เรียนรู้ และประลองสมองในการแข่งขันคณิตศาสตร์แล้ว ยังได้มีโอกาสสัมผัสความงามของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และเสน่ห์วัฒนธรรมไทยในจังหวัดเชียงใหม่ตลอดทั้ง 3 วัน โดยเฉพาะในวันประกาศรางวัล นักเรียนและผู้ปกครองไทยจะสวมใส่ชุดไทยมาสร้างสีสันภายในงานอีกด้วย


ดร.แอนดี้ แลม (Dr. Andy Lam) Principal of Olympiad Champion Education Centre Hong Kong ท่านประธานการจัดงานในครั้งนี้ กล่าวว่า “การรวมกันเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมความสนใจในการเรียนคณิตศาสตร์ของเยาวชน เสริมสร้างความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาขยายมุมมองในระดับนานาชาติ และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาระดับอนุบาลประถมศึกษาและมัธยมศึกษา และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการศึกษาทั่วประเทศ นักเรียนที่มีสิทธิ์สมัครสอบรอบ Final จะต้องผ่านการสอบรอบคัดเลือกของแต่ละประเทศก่อน ผ่านเกณฑ์ถึงจะมีสิทธิสมัครสอบรอบ Final ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ และคำตอบแบบเขียนตอบ งานสอบจะเป็นตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย การสอบประกอบด้วยหัวข้อมาตรฐาน เช่น การคิดเชิงตรรกะเลขคณิต / พีชคณิตทฤษฎีจำนวนเรขาคณิต ดังนั้นกลุ่มนักเรียนไทยที่สอบคือเด็กที่เก่งมากๆ ต้องเก่งทั้งภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์”


นอกจากนั้น ภายในงานประกาศรางวัล TIMO ยังได้มอบเงินสนับสนุนเพื่อการศึกษาให้กับ โครงการเสริมสร้างศักยภาพการเรียนรู้แบบองค์รวม SAP โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ และโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่

ทต.สันปูเลย จัดโครงการส่งเสริมสุขภาพทางเลือกหลังพบสถิติผู้เสียชีวิตสูงและโรคอัลไซเมอร์

เชียงใหม่ ทต.สันปูเลย จัดโครงการส่งเสริมสุขภาพทางเลือกหลังพบสถิติผู้เสียชีวิตสูงและโรคอัลไซเมอร์ในหญิงมากกว่าชาย จากข้อมูลของสำนกังานสถิติแห่งชาติ ได้ระบุว่าทุกๆ 4 นาที จะมีคนไทยที่เสียชีวิตจากมะเร็ง อยู่ 1 คน ทุกๆ 6 นาที จะมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคหัวใจอยู่ 1 คน และทุกๆ 6 นาที จะมีคนไทยที่เสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดในสมองแตกอยู่ 1 คน และคนที่มีอายุมากกว่า 90 ปี จะมีโอกาสเกิดอัลไซเมอร์ถึง 30 เปอร์เซ็นต์

นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมสุขภาพทางเลือก เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในตำบลสันปูเลย ประจำปีงบประมาณ 2568 กิจกรรมให้ความรู้ พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพทางเลือก โดยวิทยากรจากโรงพยาบาลดอยสะเก็ด โดยมี นายสาธิต คำหน่อแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ด อสม. เจ้าหน้าที่ของเทศบาลฯ รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ตำบลสันปูเลย ได้เข้าร่วมในการเปิดโครงการครั้งนี้ ซึ่งภายในกิจกรรม ก็มีการตรวจสุขภาพให้กับประชาชน การออกบูธให้ความรู้ด้านการรดูแลสุขภาพ การจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด และการจำหน่ายพืชผักปลอดสารเคมี

นายสาธิต คำหน่อแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลย กล่าวว่า การมีสุขภาพที่ดี ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่หลากหลายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในชุมชน จึงเป็นการดูแลสุขภาพรอบด้าน การคัดกรองปัญหาสุขภาพตั้งแต่ก่อนเกิดโรครวมถึงการได้ทราบผล การตรวจคัดกรองสุขภาพของตนเองจะสร้างความตระหนักในการปรับพฤติกรรมการดูแลสุขภพาของตนเองและครอบครัวมากขึ้น เพื่อการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเหมาะสม ส่งเสริมสุขภาพที่ดีป้องกันการเกิดโรคต่างๆ เพื่อให้เกิดคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนได้

จากข้อมูลของสำนกังานสถิติแห่งชาติ ได้ระบุว่าทุกๆ 4 นาที จะมีคนไทยที่เสียชีวิตจากมะเร็ง อยู่ 1 คน ทุกๆ 6 นาที จะมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคหัวใจอยู่ 1 คน และทุกๆ 6 นาที จะมีคนไทยที่เสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดในสมองแตกอยู่ 1 คน และคนที่มีอายุมากกว่า 90 ปี จะมีโอกาสเกิดอัลไซเมอร์ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยโอกาสเกิดอัลไซเมอร์ของผู้หญิงจะมีมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า เมื่อสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ค่ารักษาพยาบาลมีแต่แพงขึ้นปีละ 5 – 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะเบียดเบียนเงินเก็บสำหรับผู้สูงวัยมาก ส่งผลให้คุณภาพชีวิตโดยรวมแย่ลง

ดังนั้น กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลสันปู่เลยจึงได้ร่วมกับโรงพยาบาลดอยสะเก็ด โรงพยาบาลสุขภาพบ้านกอกหม่น อสม. และเครือข่ายสุขภาพในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ จัดโครงการส่งเสริมสุขภาพทางเลือกเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในตำบลสันปูเลย ประจำปีงบประมาณ 2568 ขึ้น เพื่อการจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพ และรักษาพยาบาลระดับปฐมภูมิเชิงรุก รวมถึงการจัดกระบวนการหารือกิจกรรมเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรค ด้วยศาสตร์แพทย์ทางเลือกที่หลากหลาย และเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตื่นตัว เข้าคัดกรองสุขภาพเบื้องต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 ให้ร่วมกันสร้างเสริมสุขภาพที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากโรงพยาบาลดอยสะเก็ด บรรยายให้ความรู้เรือ่งโรค NCDs เช่น โรคความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคไตเรื้อรัง, โรคอ้วนลงพุง ฯลฯ การปรับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน และถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ กิจกรรมเยี่ยมชมนิทรรศการสุขภาพ เช่น การแพทย์แผนไทย นวดแผนไทย อบสมุนไพร ประคบสมุนไพร การพอกสมุนไพร และยาสมุนไพร การแพทย์แผนจีน ฝังเข็ม ครอบแก้ว กระตุ้นไฟฟ้า การแพทย์แผนปัจจุบัน อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ สถานบริบาลเพื่อผู้สูงอายุ และงานบริการการแพทย์ฉุกเฉิน บริการตัดผมชายและหญิง การซ่อมรถจักรยานยนต์และเครื่องมือทางการเกษตรของวิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่